“ครูที่ใกล้ชิดและจำเขาได้แม่นที่สุดคือ ครูประภา ศีรมุกต์ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นครูประจำวิชาคณิตศาสตร์และครูประจำชั้นของชม้อย
รวมทั้งเป็นหัวหน้าแผนกมัธยมปลายด้วย...ตอนนี้ท่านเกษียณได้ 2 ปีแล้ว”
“ความรู้สึกของครูบาอาจารย์ที่นี่ก็รู้สึกว่าเขาไม่น่าทำแบบนั้น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของโรงเรียน
เสื่อมเสียสถาบัน เด็กของเราไปเรียนพิเศษที่ไหน นักเรียนโรงเรียนอื่นเขาพากันชี้ว่า
นี่ไงนักเรียนโรงเรียนชม้อย”
“ครูประภาเป็นคนที่เชื่อถือเขามาก ท่านเคยพูดว่าชม้อยเป็นเด็กที่พูดจริง
ทำจริง ตอนที่มีข่าวใหม่ๆ ท่านก็บอกว่าไม่เชื่อเด็ดขาดว่าชม้อยจะเป็นคนโกง
จนกระทั่งตอนหลังที่มีข่าวว่าเจอสมบัติที่ซ่อนไว้ที่โน่นที่นี่ ท่านถึงบอกว่าไม่เชื่ออีกแล้ว...ไม่เชื่อชม้อยอีกแล้ว
ไม่น่าเป็นคนแบบนี้เลย”
“เขาเป็นคนที่เรียบร้อยไม่เด่นอะไรมาก วิชาที่เรียนเขาค่อนข้างเด่นในวิชาคณิตศาสตร์
ครูประภาจำได้แม่น เพราะเหตุนี้ตอนหลังดิฉันเคยไปบ้านชม้อยพร้อมครูประภาครั้งหนึ่ง
เห็นจับไม้จับมือหัวเราะทักทายกัน เรียกครูคะ ครูขา...เขาจำได้ ส่วนดิฉันไม่ได้เป็นครูประจำชั้นและสอนวิชาอื่นที่เขาไม่เด่นอะไร
เขาก็จำไม่ได้”
“ตั้งแต่เขาออกไปไม่เคยกลับมาติดต่อที่นี่อีกเลย พวกครูที่นี่มาจำได้อีกทีก็เมื่อมีข่าวมีรูปออกหนังสือพิมพ์แล้ว ว่าเอ๊ะ!...คนนี้เคยเรียนที่นี่”
“เป็นไปไม่ได้ที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าเรียนที่นี่ตั้งแต่อนุบาลหรือตอนชั้นประถม
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นครูเก่าที่อยู่ตึกหลัง (ตึกเรียนอนุบาลและประถมต้น)
ต้องจำได้บ้าง แต่นี่ไม่มีใครจำได้เลย นอกจากครูประภา ซึ่งท่านก็สอนประจำอยู่มัธยมปลาย
เข้าใจว่าเขาคงมาสอบเข้าช่วงมัธยมปลายเนื่องจากเป็นเด็กมาจากต่างจังหวัดด้วย”
(หมายเหตุ ขณะนี้ครูประภาไปวิปัสนาอยู่วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่
จ.หนองคาย ตลอดระยะเวลาเขาพรรษา)