ถ้าไปถามเจ๊อ้วนเจ้าของร้านอาหารใหม่เสมอ ที่อยู่ใกล้เขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดสิงห์บุรี
ว่าเธอยังจำรุ่นน้องที่ชื่อ “ด.ญ.ชม้อย ประเสริฐศรี” เมื่อครั้งที่เรียนหนังสือด้วยกันในโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดได้หรือเปล่า
เธอบอกว่าจำได้ แม้เวลาจะล่วงผ่านมากว่า 30ปีแล้ว
“ที่จำได้เพราะเห็นหน้ากันบ่อยๆ เตี่ยเขากับเตี่ยของฉันก็เป็นเพื่อนกัน
เขาเคยมาซื้อของกินอะไรนี่ เขาก็เป็นคนเรียบร้อย การเรียนปานกลาง แต่งตัวเหรอ...ก็เหมือนกับนักเรียนทั่วไปคือตัดผมสั้นแค่ต้นคอ
ใส่กระโปรงน้ำเงิน หน้าอกเสื้อก็ปักอักษร ส.ห.2 การเรียนของเขาก็ปานกลาง”
เจ๊อ้วนเล่าให้ฟัง
แต่เจ๊อ้วนหรือใครก็ตามในตลาดเมืองสิงห์เก่าคงไม่คาดคิดว่าเด็กผู้หญิงหน้าตาดีท่าทางเรียบร้อยคนนั้น
ต่อมาจะกลายเป็นเจ้าแม่แชร์น้ำมันที่มีวงเงินหมุนเวียนร่วมหมื่นล้านบาท และกลายเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงอื้อฉาวมากที่สุดเท่าที่เคยมีในประวัติศาสตร์การเงินของประเทศไทย
จากวารสาร สมาคมชาวตลาดสิงห์บุรี ประจำเดือนมกราคม ได้เอ่ยถึงชื่อนางชม้อย
ทิพย์โส ไว้สั้นๆ ในคอลัมน์ “ชาวเมืองสิงห์ฯ...ที่เด่นดังในรอบปี 2527” ความว่า
“เปิดฉากแรกก็เห็นจะต้องยกให้กับคุณชม้อย ทิพย์โส (แม่ชม้อย) เจ้าของแชร์น้ำมันอันลือลั่นสะท้านแผ่นดินนั่นไง
ความเด่นของเธอนั้น ข้ามเลยปีทีเดียว กล่าวคือเริ่มจากปลายปี 26 จนถึงปัจจุบัน”
และในวารสารฉบับเดียวกันในเล่มที่ออกควบเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม การ์ตูนในคอลัมน์
“คลายอารมณ์” วาดเป็นรูปคนแขวนคอตาย โดยให้คำพูดพากย์ว่า นี่แหละ! เอาเงินไปเล่น...??
ถึงได้เป็นอย่างนี้”
เห็นได้ว่าทัศนะของผู้จัดทำที่มีต่อ “คุณชม้อย ทิพย์โส” จากช่วงต้นปีนั้นเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นจนถึงฉบับเดือนสิงหาคม วารสารฉบับนี้ก็ไม่เคยเอ่ยถึงชื่อนางชม้อย
ทิพย์โส อีกเลย
จากการสอบถามของ “ผู้จัดการ” ต่อบรรดาผู้ที่เอาเงินไปลงทุนกับนางชม้อยได้ข้อมูลมาใกล้เคียงกันคือ
เฉพาะในตลาดเมืองสิงห์บุรีเท่าที่รู้มีคนเล่นประมาณ 300 คน หรือคิดเป็นเงินร่วม
60 ล้านบาท แต่เชื่อกันว่ายังมีคนเล่นที่ไม่บอกใครอีกจำนวนมาก
สำหรับรายใหญ่ที่สุดได้แก่เจ้าของร้าน “เบญจมาศ” ภรรยาของอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอพรหมบุรี
ที่มีจำนวน “รถน้ำมัน” ทั้งที่ตัวเองลงทุนเองและชักชวนคนอื่นมาลงทุนไม่ต่ำกว่า
125 คันรถ
พิษร้ายของแชร์น้ำมันอื้อฉาววงนี้สำแดงเห็นชัดที่สุดต่อชาวสิงห์บุรีก็คือเจ้าของร้านเบญจมาศนี่แหละ
เธอกลายเป็นคนที่พูดจาเลอะเลือน หวาดผวากับคนแปลกหน้า ผิดกับสภาพจากช่วงต้นปีเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นสุขกับดอกเบี้ยและค่านายหน้าจากแชร์วงนี้ราวฟ้ากับดิน
ลำพังเงินสะสมของตัวเองที่ละลายไปกับการล้มของแชร์นางชม้อย ทิพย์โส ก็คงไม่เท่าไรแต่เงินที่เปียแชร์มาเล่นนี่สิ
รายได้จากการขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปหน้าร้านบวกกับเงินเดือนสามีอีกหมื่นกว่าบาทต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้ชาวตลาดเมืองสิงห์แทบทั้งหมด
กลุ้มกับหนี้สินก็หนักแล้ว บวกกับความเจ็บใจที่เสียรู้คน ไม่เพี้ยนคราวนี้แล้วจะไปเพี้ยนคราวไหน
อีกรายหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อของ “ครูวันเพ็ญ” เพื่อนสนิทของนางชม้อย
ทิพย์โส เดิมทีสอนอยู่ในตัวจังหวัดสิงห์บุรี ภายหลังย้ายตามสามีไปอยู่ที่อำเภอพรหมบุรี
สามีเป็นอาจารย์ระดับสอง ผู้อำนวยการวิทยาลัยพลศึกษาอ่างทอง
รายนี้ดึงบรรดาครูในจังหวัดไปเล่นแชร์น้ำมันเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ปัจจุบันกินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งสามีภรรยา
นอกจากนั้นที่เล่นกันรายละ 10 คัน 20 คันได้แก่สิงห์บุรีโฮเต็ล ส.อะหลั่ย
ร้านตัดเสื้อผ้าวิไล ร้านเกียงเซ้ง (ขายยาเขียว) ร้านจรัสการค้า (ขายผ้าตัดเสื้อ)
ร้านสุจริตยนต์ (ขายรถไถเล็กและอะไหล่) ฯลฯ
“ส่วนใหญ่คนเมืองสิงห์ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแชร์ชม้อยล้มแล้วกิจการจะพลอยพังไปด้วย
เพราะเงินที่เอาไปเล่นเป็นเงิน ̒เย็น̕ ไม่ได้ไปกู้แบงก์มาเล่น อย่างเกียงเซ้งเขามีรถทัวร์อยู่แล้วเขาก็ขายเอาเงินมาเล่นแชร์น้ำมัน
เรื่องเจ็บใจน่ะเจ็บใจแน่ อยู่ๆ เงินหายวับไปเฉยๆ ล้านสองล้านบาท” ลูกแชร์รายหนึ่งเล่าให้ฟัง
นอกเหนือจากหัวคิวที่เป็นคนจังหวัดสิงห์บุรีด้วยกัน 2-3 ราย นางชม้อย ทิพย์โส
ยังมีหัวคิวที่เป็นญาติพี่น้องของตนเข้ามาชักชวนคนเมืองสิงห์ไปเล่นแชร์กับตนคือนางสุมิตราและเรืออากาศเอกสมบัติ
ประเสริฐศรี พี่สาวและน้องชายคนโปรด
ทั้งสองคนนี่ชาวเมืองสิงห์บุรีสงสัยกันมากๆ ว่าทำไมตำรวจไม่ยอมจับ โดยเฉพาะเรืออากาศเอกสมบัติ
ประเสริฐศรี นั้น สมบัติของนางชม้อยที่ยักยอกจากประชาชน และค้นพบในจังหวัดสิงห์บุรีต่างซุกซ่อนอยู่กับญาติทางภรรยาของเขาที่อำเภอบางระจันทั้งสิ้น
เรืออากาศเอกสมบัติ ประเสริฐศรี เคยเดินทางเข้ามาในจังหวัดสิงห์บุรีอย่างเปิดเผย ล่าสุดเมื่อวันที่
5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยมาเจรจากับเจ้าของร้านวิไลขอจ่ายเงินคืนแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน
เผอิญเจ้าของร้านนี้มีพี่ชายเป็นอักษรเลขจังหวัดก็เลยพูดแทนน้องสาวว่า
“ถ้าจ่ายให้แค่นี้เอาเงินกลับไปเถอะ แล้วมาดวลปืนกันดีกว่า”
เรื่องของเรื่องก็เลยมีเหตุการณ์ขับรถปิกอัพไล่กวดกันรอบเมืองสิงห์ฯ จนฝ่ายที่จะจ่ายเงินเห็นท่าไม่ดีจึงถอยกลับไปอำเภอบางระจันถิ่นอิทธิพลของญาติทางเมีย
ส่วนที่จังหวัดลพบุรีที่เรืออากาศเอกสมบัติเคยประจำการอยู่นั้น ว่ากันว่าคนที่ลพบุรีเล่นแชร์มากกว่าที่สิงห์บุรีหลายเท่าตัว
ไม่ปรากฏว่าเจ้าตัวจะเดินทางกลับไปเลย
สำหรับคนในตัวจังหวัดสิงห์บุรีทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับแชร์ยักษ์วงนี้เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกต่อนางชม้อย
ทิพย์โส ต่างก็พูดทำนองเดียวกันว่า “เฉยๆ ...ใครทำกรรมไว้ก็ต้องรับกรรมไป”
กับญาติพี่น้องหรือคนเก่าๆ ที่เคยเห็นนางชม้อยมาในสมัยเด็กๆ ให้ความเห็นในทำนองเดียวกันและจะย้ำว่านางชม้อย
ทิพย์โส นั้นจากเมืองสิงห์บุรีไปตั้งแต่อายุน้อยและจะทำอะไรหลังจากนั้นก็ไม่เกี่ยวกับคนเมืองสิงห์อีกต่อไป
เรียกว่าไม่นับว่าเป็นญาติและเป็นคนเมืองสิงห์กันแล้ว แต่กับลูกแชร์บางราย
เขากลับตอบไม่ค่อยตรงคำถามแต่ให้ความรู้สึกดี “ชม้อยน่ะหรือ ถ้าอยู่ในคุกนานอายุคงยืนหน่อย
แต่ถ้าออกมาเร็วก็ไม่น่าอยู่ได้นาน”