"คลัง"เตรียม เสนอพ.ร.ก.ควบรวมกิจการของ ไอเอฟซีทีกับแบงก์ไทย ให้ครม.
อนุมัติสัปดาห์หน้า ระบุใช้เวลา 2 เดือนก่อนเปิดทำธุรกรรมรูปแบบแบงก์พาณิชย์แห่งใหม่ภาย
ในเดือนกุมภาพันธ์ ด้านการเจรจาทหารไทยกับดีบีเอสไทยทนุ รอที่ปรึกษาทั้ง 2 แห่งทำแผนเสนอเข้ามาคาดมกราคมรู้ผลพร้อมแต่งตั้ง"สุภัค
ศิวรักษ์" นั่งเอ็มดีตามคาด
นายสมหมาย ภาษี รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของแผนการควบรวมกิจการระหว่างไอเอฟซีที
และธนาคารไทยธนาคารว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบของกระทรวงการคลัง โดย ที่ผ่านมาได้ผ่านการพิจารณาของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเรียบร้อยแล้ว
และได้ส่งเรื่องให้ นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง ตรวจทาน โดยคาดว่าจะนำเรื่องนี้เสนอต่อ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับกระบวนการทั้ง หมด จะต้องใช้เวลาในการตรวจ สอบทรัพย์สิน ธุรกรรม รวมทั้ง
หมดในขั้นตอนสุดท้าย หลังจาก นั้นจะใช้ระยะเวลาในการควบรวมกิจการประมาณ 2 เดือน
คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถทำธุรกรรมในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์
2547 นี้
รูปแบบในการควบรวมนั้น จะต้องใช้วิธีการออกเป็นพ.ร.ก. เพื่อให้รวดเร็วและทันต่อระยะเวลาที่กำหนด
นอกจากนี้ยังป้อง กันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งจากลูกค้า และการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงินทั้ง
2 แห่ง หากมีความล่าช้าในการควบรวม โดยการควบรวมเป็นความสมัครใจของทั้ง 2 แห่งดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีใครเป็นแกนนำในการควบกิจการ
ซึ่งจะเกิดเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่
แผนทหารไทยกับดีบีเอสรอผลศึกษาที่ปรึกษา
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี การควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย
(TMB) กับธนาคารดีบีเอสไทยทนุ (DBS) ว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้มีการหารือและนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรม
การ แต่ยอมรับว่าธนาคารดีบีเอสไทยทนุเป็นหนึ่งใน ความสนใจที่จะเข้าควบรวมกิจการกัน
นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรต่างชาติอีกจำนวน 2 รายที่แสดงความ สนใจจะเข้ามาเจรจาอยู่จริง
"ตอนนี้ประเทศไทยเนื้อหอม ธนาคารทหาร ไทยเองก็เนื้อหอมหลังจากเพิ่มทุนไปแล้ว
ต่างชาติเขา ก็อยากเข้ามาร่วมทุนด้วยทั้งนั้น ซึ่งในส่วนของดีบีเอส ไทยทนุคงจะคุยกันก่อนที่อื่น
ส่วนพันธมิตรอีก 2 ราย แสดงความสนใจเข้ามาจริง ไม่ได้ล้อเล่น" แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้หากจะมีการควบรวมกิจการกันจริงๆ ตาม หลักการแล้วจะต้องมีการตีมูลค่าสินทรัพย์เพื่อมาแลกหุ้นหรือทำสวอป
โดยในด้านของสินทรัพย์ ขณะนี้ธนาคารดีบีเอสไทยทนุมีสินทรัพย์ประมาณ 100,000 ล้านบาท
ส่วนธนาคารทหารไทยมีอยู่ประมาณ 400,000 ล้านบาท เมื่อควบรวมกันก็จะมีสิน ทรัพย์รวมกว่า
500,000 ล้านบาท โดยคาดว่าภาย ในเดือนมกราคม 2547 จะสามารถหาข้อสรุปถึงแนวทางในแผนการดำเนินการควบรวมของธนาคารทหารไทยได้
สำหรับการปฏิรูปองค์กรทั้งในส่วนของการกำหนดตำแหน่งหน้าที่ของคนให้เหมาะสมกับงาน
การ ปรับยุทธศาสตร์การบริหารงานเชิงรุก การมุ่งปรับ ปรุงความโปร่งใสในองค์กร ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการควบคู่ไปกับการหาพันธมิตรร่วมทุน
ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของธนาคารให้มีความแข็งแกร่ง เป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาระบบ
เศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังได้กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารทหารไทยได้มีการแต่งตั้งนายสุภัค
ศิวรักษ์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่อย่างเป็นทางการแล้ว เหลือเพียงได้รับความเห็นชอบจากร.อ.สุชาติ
เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อไป
นายสมหมาย ภาษี ประธานกรรมการธนาคาร ทหารไทย กล่าวว่าในขณะนี้กำลังศึกษารายละเอียด
ของการรวมกิจการ ซึ่งทางธนาคารได้ว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อพิจารณาถึงผลดีและผลเสียในการควบรวมกิจการ
โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในช่วงปลาย เดือนม.ค.ของปี 47
อย่างไรก็ตาม แนวทางที่กำลังศึกษาอยู่คือ การ ตีราคาและแลกเปลี่ยน (สวอปหุ้น)
ระหว่างธนาคารดีบีเอสไทยทนุกับทหารไทย ซึ่งหากดีบีเอสสิงคโปร์จะเข้ามาถือหุ้นในทหารไทย
ก็จะถือหุ้นได้ไม่เกิน 25% ตามกฎหมาย โดยหุ้นที่จะนำมาสวอปนั้น จะเป็น หุ้นในส่วนของธนาคารทหารไทยเอง
ไม่ใช่หุ้นที่กระ- ทรวงการคลังถืออยู่
นายสมหมาย กล่าวต่อว่า ขั้นตอนการเจรจาเพื่อรวมกิจการหรือซื้อขายหุ้น ธนาคารทหารไทยยังมีสถาบันการเงินต่างประเทศอีก
2 ราย ที่กำลังเสนอ แผนให้ธนาคารไทยพิจารณา เมื่อรวมกับดีบีเอสเป็น 3 ราย หลังควบรวมจะทำให้ธนาคารใหม่มีสินทรัพย์
ประมาณ 500,000 บาท ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสม