Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 ธันวาคม 2546
MAJORเพิ่มทุนรุกธุรกิจ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
โฮมเพจ อีจีวี
โฮมเพจ สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์
โฮมเพจ เมเจอร์ซินีเพล็กซ์

   
search resources

เซ็นทรัลพัฒนา, บมจ.
อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นต์, บมจ.
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, บมจ.
สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์, บมจ.
วีรวัฒน์ องค์วาสิฎฐ์
Theatre




MAJOR เพิ่มทุน 150 ล้านบาท นำเงินใช้ขยายสาขา ที่จะเปิดเพิ่มอีก 6 แห่งในปี 47 มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท โดยหุ้นเพิ่มทุนส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการใช้สิทธิวอร์แรนต์ที่ออกให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ที่จัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ และเปลี่ยนมือได้ อายุ 3 ปี ราคาใช้สิทธิ 13 บาท

นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฎฐ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2546 ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของ บริษัทจากเดิม 606,500,000 บาท เป็น 757,000,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 150,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 150,500,000 บาท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 146,927,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (MAJOR-W1) ในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ พร้อมแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนโดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 3,572,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (ESOP-W) เพิ่มเติม เมื่อมีการปรับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ ESOP-W ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มทุน และในกรณีที่มีหุ้นสามัญเหลือ เนื่องจากการไม่ใช้สิทธิแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 1 (MAJOR-W1) ให้คณะกรรมการพิจารณาและเสนอต่อที่ประชุม ผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติต่อไป

ทั้งนี้ บอร์ดบริษัทได้ออกวอร์แรนต์ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ตามมติของคณะกรรมการบริษัท ที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนผู้ถือหุ้น วันที่ 28 พฤศจิกายน 2546 เวลา 12.00 น. โดยวอร์แรนต์ ที่ออกและเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เป็นชนิด ระบุชื่อผู้ถือและเปลี่ยนมือได้ อายุ 3 ปี จำนวน 146,927,500 หน่วย ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ (ในกรณีที่มีเศษหุ้นให้ปัดทิ้ง) โดยจะดำเนินการจัดสรรหลังจากที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วราคา เสนอขาย 0 บาท ต่อหน่วย

สำหรับอัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์มีสิทธิ ซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 13 บาท ต่อหุ้น โดยบริษัทได้สำรองหุ้นไว้รองรับการใช้สิทธิ 146,927,500 หุ้น กำหนดระยะการใช้สิทธิวันใช้สิทธิครั้งแรก คือวันทำการสุดท้าย ณ วันสิ้นสุดไตรมาส ของงบการเงินไตรมาสแรกภายหลังจากครบกำหนด 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ และวันใช้สิทธิต่อๆ ไป คือ วันทำการสุดท้าย ณ วันสิ้นสุดทุกๆ ไตรมาสของ งบการเงินตามรอบปีบัญชีของบริษัท

ทั้งนี้ การที่บริษัทกำหนดการแปลงสภาพวอร์แรนต์ในปีที่ 2 เนื่องจากปีหน้ายังไม่มีความ จำเป็นต้องใช้เงินทุนมากนัก และบริษัทฯยังมีเงินเพียงพอที่จะขยายการลงทุนเพียงพอ จะเห็น ได้จากปีนี้ บริษัท EBITDA ประมาณ 800-900 ล้านบาท แต่ใช้ในการลงทุนซื้อหุ้น บริษัทสยามฟิวเจอร์ (SF) และ CFC เพียง 600-700 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งการลงทุนใน SF เพียง 180 ล้าน บาท แต่ขณะนี้ VALUE กำไรอยู่ที่ 500 กว่าล้าน บาท ซึ่งถือเป็น Hidden Value ที่ไม่ได้บันทึกในงบการเงินของเมเจอร์

สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน บริษัทจะนำไปใช้ในการขยายสาขา โดยจะเปิดสาขาเพิ่มที่สาขาทองหล่อ อาคารโครงการสยามฟิวเจอร์ เจ-อเวนิว ซึ่งตั้งอยู่ถนนทองหล่อ สุขุมวิท 55 กับเจ้าของโครงการ บริษัท สยาม ฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เพื่อลงทุนใน ธุรกิจโบว์ลิ่ง จำนวน 12 เลน คาดว่าจะสามารถ เปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาสที่ 2 ปี 2547

นอกจากนี้ ยังให้เปิดสาขาฉะเชิงเทรา ในพื้นที่โครงการสยามฟิวเจอร์ เพาเวอร์เซ็นเตอร์ ฉะเชิงเทรา เพื่อประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ จำนวน 5 โรง และโบว์ลิ่งจำนวน 12 เลน กับเจ้าของโครงการบริษัท สยาม ฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะสามารถ เปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาสที่ 2 ปี 2547 และสาขาเซ็นทรัลซิตี้ บางนา ในพื้นที่อาคารเซ็นทรัลซิตี้ บางนา เพื่อดำเนินการธุรกิจโบว์ลิ่ง จำนวน 20 เลน กับเจ้าของอาคาร บริษัท เซ็นทรัล เพลย์แลนด์ จำกัด คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาส 2 ปี 2547 และสาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ต พลาซา เชียงใหม่ โดยจะดำเนินธุรกิจ โรงภาพยนตร์เพิ่มอีกจำนวน 4 โรง จากของเดิม ที่มีอยู่ 7 โรง รวมเป็น 11 โรง และทำโบว์ลิ่งจำนวน 16 เลน กับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เชียงใหม่ จำกัด คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาสที่ 2 ปี 2547

สาขาแจ้งวัฒนะ ในพื้นที่อาคารโครงการ สยามฟิวเจอร์ แจ้งวัฒนะ อเวนิว เพื่อประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ จำนวน 7 โรง และโบว์ลิ่งจำนวน 18 เลน กับเจ้าของโครงการบริษัท สยาม ฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) คาดว่า จะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาสที่ 4 ปี 2547

สาขาปิ่นเกล้า ในพื้นที่อาคารโครงการของ บริษัท เพชรปิ่นเกล้า จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจ โรงภาพยนตร์ จำนวน 8 โรง และโบว์ลิ่งจำนวน 20 เลน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาสที่ 4 ปี 2547 รวมมูลค่าการลงทุนในโครงการใหม่ที่คณะกรรมการอนุมัติสำหรับปี 2547 ทั้งหมด 600 ล้านบาท

สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนงานของบริษัทที่ตั้งไว้ใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับแผนการขยายสาขาเพิ่มอีก 15 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมทั้งโครงการสยามพารากอนที่คาดจะใช้เงินลงทุนอีก 700 ล้านบาทในปี 2548-49 ทำให้บริษัทฯจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 30 แห่งภายในปี 2549

EGVระดมทุน1.5พันล้านบาทขยายงาน

บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (EGV) ซึ่งดำเนินธุรกิจเหมือนกับ MAJOR ซึ่งล่าสุดได้ทำการเพิ่มทุนอีก 1,500 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่ 180 ล้านหุ้น ราคาพาร์ละ 1 บาท โดยจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 115 ล้านหุ้น ให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) และออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 65 ล้านหน่วย อัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ อายุ 5 ปี ราคาใช้สิทธิ 5 บาทต่อหุ้น และใช้สิทธิได้ 1 ปี หลังจากวอร์แรนต์จดทะเบียนแล้ว

เพื่อนำไปใช้ในการขยายงานในอีก 2 ปีข้างหน้า คือขยายสาขาเพิ่มอีก 3 แห่ง โดยปี 47 จะเปิดบริการได้ 1 สาขา ซึ่งจะขยายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งสาขาที่เปิดใหม่นั้นจะเปิดแบบครบวงจรที่มีทั้ง โบว์ลิ่ง ฟิตเนส ร้านอาหาร ดีไซน์ รวมทั้งบริการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้เป็นเมืองที่ให้ความบันเทิงเต็มรูปแบบ

การเพิ่มทุนดังกล่าว เนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่หลายรายให้ความสนใจที่จะลงทุนร่วมกับบริษัทในลักษณะพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเอื้ออำนวยให้บริษัทสามารถขยายงานได้อย่างคล่องตัวในอนาคต ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทให้ความเห็นชอบในการเพิ่มทุนดังกล่าวแล้ว ซึ่งจะสรุปผลได้เร็วๆ นี้

โดยปีนี้ EGV ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,500 ล้าน บาท ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้ว 30-40% ส่วนหนึ่งเป็น รายได้จากการเปิดสาขาใหม่คือ Metropolis ที่ราชดำริ แม้ว่ารายได้จะเข้ามาไม่เต็มที่เพราะเปิด ในช่วงปลายปีของงบการเงินรอบที่ 46/47 แต่ยืนยันว่างบการเงินรอบปีบัญชีหน้า รายได้ของ EGV จะโตแบบก้าวกระโดด

การระดมทุนของผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์รายใหญ่ทั้งสองแห่ง แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันทางธุรกิจโรงภาพยนตร์จะรุนแรงมากขึ้น และรายใดที่ให้บริการครบวงจรและมีความหลากหลายในเมืองบันเทิง น่าจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่า ซึ่ง MAJOR ได้เปรียบอยู่มากเมื่อเทียบกัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us