EGV เพิ่มทุน1.5 พันล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 115 ล้านหุ้น ขาย PP พร้อมออกวอร์แรนต์
65 ล้านหน่วย แจกผู้ถือหุ้นเดิมอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคา ใช้สิทธิ
5 บาท เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายงาน และเปิดทางให้ผู้ร่วมทุนเข้ามาร่วมดำเนินงาน
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
จำกัด (มหาชน) (EGV) กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มทุนอีก 1,500 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่
180 ล้านหุ้น ราคาพาร์ละ 1 บาท โดย จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 115 ล้าน หุ้น ให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง
(PP) และออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์) ฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 65 ล้านหน่วยอัตราส่วน
4 หุ้นเดิมต่อ1 วอร์แรนต์ อายุ 5 ปี ราคาใช้สิทธิ 5 บาทต่อหุ้น และใช้สิทธิได้
1 ปี หลังจากวอร์แรนต์จดทะเบียนแล้ว
สำหรับการเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อนำไปใช้ในการขยายงานในอีก 2 ปีข้างหน้า คือขยายสาขาเพิ่มอีก
3 แห่ง โดย ปี 47 จะเปิดบริการได้ 1 สาขา ซึ่งจะขยายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งสาขาที่เปิดใหม่นั้นจะเปิดแบบครบวงจรที่มีทั้ง
โบว์ลิ่ง ฟิตเนส ร้านอาหาร ดีไซน์ รวมทั้งบริการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ในอนาคต ให้เป็นเมืองที่ให้ความบันเทิงเต็มรูปแบบ
การเพิ่มทุนดังกล่าว เนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่หลายรายให้ความสนใจที่จะลงทุนร่วมกับบริษัทในลักษณะพันธมิตรทางธุรกิจ
ซึ่งการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเอื้ออำนวยให้บริษัทสามารถขยายงานได้อย่างคล่องตัวในอนาคต
ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทให้ความเห็นชอบในการเพิ่มทุนดังกล่าวแล้ว
ซึ่งจะสรุปผลได้เร็ว ๆ นี้
นายวิชัยกล่าวว่าปีนี้ EGV ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่1,500 ล้านบาท และเป็น ไปตามเป้าที่ตั้งไว้
ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้ว 30-40% โดยส่วนหนึ่งเป็นรายได้จากการเปิดสาขาใหม่คือ Metropolis
ที่ราชดำริ แม้ว่ารายได้จะเข้ามาไม่เต็มที่เพราะเปิดในช่วงปลายปีของงบการเงินรอบที่
46/47 แต่ยืนยันว่างบการเงิน รอบปีบัญชีหน้า รายได้ของ EGV จะโตแบบก้าวกระโดด
โดยสาขา Metropolis ของ EGV จะถือว่าเป็นสาขาที่ทำเงินเข้าบริษัทเพราะเป็นเมืองบันเทิงครบวงจร
ที่จะมีฟิตเนส ซึ่งได้ร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ต่างประเทศ คือ Almat ที่มีความเชี่ยว
ชาญด้านการผลิตอุปกรณ์ฟิตเนสมากว่า 30 ปี โบว์ลิ่ง และโรงภาพยนตร์อย่างตระการ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่มีโบว์ลิ่ง
และฟิตเนสอย่างครบวงจร จะเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าหันมาสนใจที่จะเข้าไปใช้บริการมากขึ้น
และปัจจุบันพบว่าได้รับความสนใจอย่างมาก และยังมีช่องทางการตลาดอีกมากสำหรับการให้บริการแบบนี้
เชื่อว่ารายได้ของ EGV ปีแรกของการเปิดให้บริการของสาขา Metropolis จะสร้างรายได้
30-35% และปีหน้าจะทำรายได้เต็มที่ โดยปี 47 รายได้ของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปคือ
รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่เคยมี 80-90% จะเหลือเพียง 65% โฆษณา 10% อาหาร และเครื่องดื่ม
10% และอื่นๆ 10% ซึ่งปี 47 EGV ตั้งเป้ารายได้ เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปี 46
สำหรับผลประกอบการของ EGV ในไตรมาส 1/46-47 สิ้นสุด 30 ก.ย. 2546 ของบริษัทพบว่า
รายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ในส่วนของผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ประมาณการไว้ถึง
100% และจากการที่บริษัทกำไรจากการดำเนิน งาน จึงได้ประกาศจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ
5 สตางค์ หรือคิดเป็น 4%