ปี 47 ตลาดหลักทรัพย์ประเมินบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะเพิ่มทุนจำนวนมาก เพื่อนำเงินขยายธุรกิจช่วงเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง
"กิตติรัตน์" เตือนนักลงทุน ลงทุนด้วยความระมัดระวัง แม้ภาวะตลาดหุ้นจะสดใส
เพราะจะมีผลกระทบจากปัจจัยที่ไม่คาดคิด ซึ่งเป็นผลกระทบทางจิตวิทยาการลงทุน ขณะที่
บล.กิมเอ็งคาดปีหน้า นักลงทุนหุ้นไทยมีสิทธิ์ฟันกำไร 10% โดยเฉลี่ย เพิ่มจากปีนี้
ที่คาดอยู่ที่ 7%
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
กล่าววานนี้ (16 ธ.ค.) ว่าแนวโน้มตลาด หุ้นไทยปี 2547 ดีขึ้นจากปีนี้ ซึ่งขณะนี้นักลงทุนไทยเชื่อมั่นตลาด
หุ้นไทยสูง และเข้ามาลงทุนก่อนที่สภาพัฒน์ประกาศปรับเพิ่มแนวโน้ม อัตราเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้
และเมื่อประกาศปรับเพิ่มจริง ทำให้ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นจริง ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงสิ้นปีภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ปกติจะชะลอ เนื่องจากเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน
แต่แนวโน้มปีหน้ายังอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน
(บจ.) ในตลาดหุ้นไทยจะมีสัดส่วน ราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (พีอี) เพิ่มต่อเนื่องจากปีนี้
เพราะอัตราเติบโตความสามารถการทำกำไร บจ.เพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น
บจ.ที่จะระดมทุน โดยเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จะมีทั้งภาคเอกชน
และรัฐวิสาหกิจ ที่พร้อมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้ง บจ.จะเพิ่มทุนมากขึ้น
เพื่อนำเงินใช้ขยายธุรกิจ
นอกจากนี้ มูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) หุ้นไทยจะเพิ่มขึ้น น่าจะเกินเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ตั้งไว้ที่ประมาณ
4.3 ล้านล้านบาทปีหน้า แต่ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่มีความคิดจะปรับเป้าหมายใหม่ เพราะแม้ภาวะการลงทุนจะสดใส
แต่ยังมีปัจจัยไม่คาดคิด ที่จะมีผลกระทบตลาดหุ้นได้ตลอดเวลา
เขากล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์มีการเตือนสตินักลงทุน ให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง หากต้องการลงทุนผ่านการลงทุนแบบสินเชื่อเพื่อ
ซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้น) ก็เป็นสิทธิ์ของนักลงทุน แต่ตลาดหลักทรัพย์ไม่อยากเห็นการลงทุนลักษณะนี้มากเกินไป
เพราะจะมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนรายย่อยที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจดีพอ ควรจะลงทุนกับกองทุนรวมมากกว่า
คาดปีหน้าฟันกำไรหุ้นได้ 10%
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
ในเครือกลุ่มกิมเอ็งจากสิงคโปร์ กล่าวว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้
จะประมาณ 7-8% เมื่อพิจารณาค่าพีอีตลาดหุ้นไทยปีนี้ที่ 12 เท่า จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยบริษัท
คาดว่าปีหน้าความสามารถทำกำไรบริษัทจดทะเบียนจะไม่ต่ำกว่า 20% ดังนั้น ค่าพีอีจะอยู่ที่
10 เท่า และผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้น 10%
เขากล่าวว่าลูกค้าบริษัทที่จะระดมทุนเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ปี 2547
จำนวน 13 บริษัท อยู่กลุ่มอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง สื่อสารมวลชน
สินค้าเกษตร ติดตั้งระบบสารสนเทศ ไอที และธุรกิจหลักทรัพย์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่างวด 9 เดือน
สิ้นสุด ก.ย.บริษัทระดมทุน IPO มูลค่ารวม 3.105 พันล้านบาท หุ้นที่เสนอขายประชาชนทั่วไป
(PO) 13.26 พันล้านบาท หุ้นที่ขายกรรมการพนักงาน (ESOP) 956 ล้านบาท และบุคคลวงจำกัด
(PP) 29.72 พันล้านบาท
ส่วนมูลค่าเสนอขายตราสารหนี้เอกชน ให้ประชาชนทั่วไป มูลค่ารวม 43.026 พันล้าน
บาท และบุคคลวงจำกัด 79.45 พันล้านบาท