สมาคมโรงแรมไทยสรุปอัตราเข้าพักโรงแรมปีนี้ลดลง 15% จากผลกระทบสงครามสหรัฐฯ-อิรัก
และโรคซาร์ส ระบุปีหน้าทิศทางสดใส จากนโยบายภาครัฐสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
พบผู้ประกอบการไทย-เทศ ขยับตัวลงทุนโรงแรมเพิ่ม หลังอั้นมาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี
40 คาดปีหน้าแห่ลงทุนเพิ่ม 50 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต มูลค่าลงทุนกว่า 10,000
ล้านบาท
นายชัชวาล ศุภชยานนท์ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย คน ที่ 2 เปิดเผยถึงสถานการณ์ในภาพรวมของธุรกิจโรงแรมปีนี้ว่า
อัตราการเข้าพักในไตรมาส 1-3 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามสหรัฐฯ-อิรัก
และการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ซึ่งเริ่มดีขึ้นในไตรมาส
4 แต่คงไม่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบ ใน 3 ไตรมาสแรกให้ดีขึ้นได้ คาดว่าถึงสิ้นปีนี้ผลประกอบการโรงแรมโดยรวมจะลดลงประมาณ
10% ส่วนอัตราการเข้าพักปีนี้คาดว่าจะลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ในอัตรา
68%
ส่วนแนวโน้มธุรกิจโรงแรม ปีหน้าค่อนข้างสดใส เนื่องจาก นักท่องเที่ยวหลายตลาด
เริ่มฟื้นตัว และกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มเอเชียได้เริ่ม
กลับมาตั้งแต่ปลายปีนี้หลายตลาด เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน แต่ก็มีหลายตลาดที่การ
ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องเข้าไปกระตุ้นเป็นพิเศษด้วยการไปทำโรดโชว์ให้มากขึ้น
เช่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย สิงคโปร์
จากนโยบายการให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยหวังให้ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่จะช่วยผลักดันอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
(จีดีพี) ให้ได้ 8% ในปีหน้า ทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมเริ่มขยายการลงทุน
มากขึ้น โดยเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ปีนี้ ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น
พัทยา ปีนี้พบว่ามีโรงแรมระดับ 3-5 ดาวสร้างใหม่ ทั้งที่บริหารโดยคนไทย และเชนโรงแรมต่างประเทศ
ประมาณ 10 แห่ง ทำให้มีห้องพักเพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 ห้อง จากเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า
40,000 ห้อง
เขากล่าวด้วยว่า ปีหน้าคาดว่าจะมีผู้ประกอบการโรงแรมสนใจเข้ามาลงทุนธุรกิจ โรงแรมในพัทยาอีก
เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจนี้ เชนโรงแรมต่างประเทศที่จะเปิดดำเนินการในพัทยาแน่นอนแล้ว
คือ เชอราตัน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัล อีก 2 แห่ง คือ พัทยา ซิตี้
บีช และการปรับปรุงเซ็นทรัล วงศ์อมาตย์ พัทยา และยังมีการลงทุนของผู้ประกอบการในโรงแรม
ระดับ 3-4 ดาวอีก 4-5 แห่ง ส่วนโรงแรมระดับ 5 ดาวคงเปิดไม่มาก เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่
การเข้ามาลงทุนจำนวนมากโดยเฉพาะในพัทยาจะทำให้เกิดการแข่งขันสูงและอยู่ในสถานการณ์โอเวอร์ซัปพลาย
จนนำไปสู่การ แข่งขันตัดราคาห้องพัก ขณะนี้โรงแรมระดับ 3 ดาว ในพัทยาขายในราคาต่ำกว่ามาตรฐานระดับดาว
คือเฉลี่ยห้องละ 700-800 บาท โดยราคามาตรฐานน่าจะเกิน 1,000 บาทขึ้นไป ยิ่งช่วงโลว์
ซีซัน การหั่นราคายิ่งรุนแรงมาก มีการลดราคากว่า 50% ปริมาณที่เหมาะสมของห้องพักในพัทยาน่าจะมีจำนวน
30,000 ห้องเท่านั้น
นายชัชวาลกล่าวต่อว่า ในปีหน้าจะมีผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมสนใจเข้ามาลงทุน ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทยอีกจำนวน
มาก ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต ที่จะมีไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง หัวหิน ชะอำ เชียงใหม่ เชียงราย
กาญจนบุรี คาดว่าปีหน้าจะมีผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า
50 แห่ง เป็นการลงทุนของผู้ประกอบการคนไทย 50% และต่างประเทศ 50% โดยเฉลี่ยเป็นโรงแรมและรีสอร์ตประมาณ
200 ห้อง คาดว่าปีหน้าจะมีเงินลงทุนรวมในธุรกิจนี้ประมาณ 10,000 ล้าน บาท
การที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากในช่วงนี้ น่าจะเป็นเพราะได้ชะลอการลงทุนมาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจ
ปี 2540 และต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยลบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวตลอดมา
ไม่ว่าจะเป็นการก่อวินาศกรรม สหรัฐอเมริกา 11 กันยายน 2544 เหตุการณ์ระเบิดเกาะบาหลีปี
2545 สงครามสหรัฐฯ-อิรัก และการแพร่ระบาดโรคซาร์สปี 2546 คาดว่าหลังจากนี้ทิศทาง
ธุรกิจโรงแรมน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ หลังจากผ่านสถานการณ์เลวร้ายมาแล้ว
"ช่วงปี 2545 ถือเป็นปีทองของธุรกิจโรงแรม ส่วนปีนี้มีปัจจัยลบจากสงครามสหรัฐฯ-อิรัก
และโรคซาร์ส ทำให้ภาพรวมธุรกิจอยู่ในภาวะติดลบ 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ปี 2547
จะเป็นปีที่ธุรกิจฟื้นตัวได้ โดยอัตราการเข้าพักจะเติบโตประมาณ 5% โดยเทียบจากปี
2545 สาเหตุที่ไม่เติบโตหวือหวามากนัก เป็นเพราะ ปีนี้และปีหน้ามีโรงแรมเปิดใหม่จำนวนมาก
ทำให้อัตราการเข้าพักกระจายไปในโรงแรม ใหม่ด้วย" นายชัชวาล กล่าว