ขุนคลังเผยรัฐเร่งเครื่องนำ 5-6 หุ้นรัฐวิสาหกิจ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประเดิมตัวแรกปีหน้า
กฟผ.ที่คาด ว่าจะสำเร็จไตรมาสแรก เพื่อเปิดโอกาสคนไทยมีโอกาสเป็นเจ้าของ รัฐวิสาหกิจ
และเพิ่มทางเลือกใหม่ให้นักลงทุน แถมจะทำให้มูลค่าตลาดรวม (Market cap) ตลาดหุ้นไทยเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า
2 แสนล้านบาท ขณะที่คาดรัฐยังต้องอุ้มขสมก.ที่จะยังขาดทุนต่อเนื่อง ด้าน มนตรีจากบล.กิมเอ็งชี้กฟผ.-ท่าอากาศยานไทย(ทอท.)หุ้นเด่นปีหน้า
ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าววานนี้ (11 ธ.ค.)
ในงานสัมมนา ที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ร่วมจัดกับตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เรื่อง "หุ้น...ดาวรุ่งรัฐวิสาหกิจ"
ว่าปี 2547 เขาคาดว่าตลาด หุ้นไทยจะอยู่ในภาวะดีขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้ มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวัน
น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ ทั้งนี้ เรื่องแผนพัฒนาระบบสถาบัน การเงิน กระทรวงการคลังดำเนินการมามากแล้ว
คาด ว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในสิ้นปีนี้หากใช้แผนดังกล่าว จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะทำให้นักลงทุนกลับเข้าลง ทุนอีก รวมทั้งทางการ จะผลักดันรัฐวิสาหกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามแผนที่วางไว้
โดยปีหน้า คาดว่าจะมี 5-6 แห่ง ขณะที่แผนของรัฐบาล ต้องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอีก
12 แห่งต่อเนื่อง
โดยเฉพาะ ธุรกิจการไฟฟ้า 3 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ให้จดทะเบียนภายในปี 2547 ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดรวม
(Market capitalization) เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 แสน ล้านบาท กฟผ.คาดว่าจะกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปไม่เกินไตรมาส
1/2547
ดังนั้น จะทำให้มูลค่าตลาดรวมของตลาดหุ้นไทย ใหญ่ขึ้น หากรัฐวิสาหกิจจดทะเบียนได้ทั้งหมดตามแผน
จะทำให้ขนาดตลาดหุ้นไทย ใหญ่กว่าตลาดหลักทรัพย์กัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย และน่าสนใจในการลงทุน
สำหรับทั้งนักลงทุนต่างประเทศ และนักลงทุนไทย มากขึ้น
รัฐยังต้องกระเตงขสมก.
เขากล่าวว่า นโยบายการนำหุ้นรัฐวิสาหกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของภาครัฐ ทำให้ขณะนี้
การบริหารงานรัฐวิสาหกิจมีทิศทางดีขึ้น แม้จะมี 2-3 แห่งยังขาดทุนอยู่ก็ตาม แต่เป็นนโยบายภาครัฐที่จะปล่อยให้ดำเนินการต่อเพื่อจะช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำ
เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งเขายังมองไม่เห็นว่าจะมีกำไรได้เมื่อใด
การนำรัฐวิสาหกิจจดทะเบียนในตลาดหุ้น ต่อเนื่องครั้งนี้รัฐบาลมีวัตถุประสงค์
3 ประการได้แก่ ลดภาระรัฐที่ต้องอุ้มรัฐวิสาหกิจให้ประชาชนมีโอกาสถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ
เพื่อจะได้รับผลตอบแทน และตรวจสอบการทำงานรัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้นให้บริหาร งานโปร่งใส
และตั้งใจให้หุ้นรัฐวิสาหกิจผลักดันตลาด หุ้นไทยแข็งแรงมากกว่าปัจจุบัน
ร.อ.สุชาติกล่าวว่า ปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจในประเทศไทยประมาณ 62 แห่ง ซึ่งหลายแห่งสร้างรายได้ให้รัฐบาล
เช่น การบินไทย บมจ.ปตท.และ กฟผ.แต่ยังมีบางแห่งที่ยังคงเป็นภาระรัฐบาล อย่าง ไรก็ตาม
รัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ทรัพย์สินมากกว่า 5 ล้านล้านบาท ซึ่งหากได้จดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์จะทำให้มาร์เกตแคปตลาดฯ เพิ่มขึ้นมาก
บล.กิมเอ็งคาดหุ้นกฟผ.-ท่าอากาศยานไทยเด่นปีหน้า
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง
(ประเทศไทย) ในเครือกลุ่มกิมเอ็งจากสิงคโปร์ ผู้ร่วมสัมมนา กล่าว ว่าหุ้นรัฐวิสาหกิจ
ที่กระจายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในระดับใช้ได้
ซึ่งเหมาะกับผู้ฝากเงินในธนาคาร ที่ขณะนี้ให้ดอกเบี้ยต่ำติดดิน ขณะที่ความเสี่ยงการลงทุนก็น้อย
ที่ผ่านมาหุ้นอย่างปตท. หรือผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง ให้ผลตอบแทนน่าสนใจ รวมถึงกำไรส่วนต่างของราคาหุ้น
และเงินปันผล
เขาคาดว่าปี 2547 หุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจะให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะปัจจัยพื้นฐานดี
โดยเฉพาะข้อเท็จจริงว่า การใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต ประจำวันคนทั่วไป ซึ่งเขาคาดอัตราเติบโตการใช้ไฟฟ้า
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่ต่ำกว่า 6-8% "ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งจำเป็น เราอาจอดข้าวได้
แต่ผมนึกไม่ออกว่า จะมีวันไหน ที่เราจะขาดไฟฟ้าได้" เขากล่าว
ขณะที่หุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย ก็เป็นอีกหุ้นที่น่าสนใจปีหน้า ด้วยข้อเท็จจริงว่าการท่องเที่ยวของไทยจะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งจะเป็นผลให้ การเดินทางโดยเครื่องบินขยายตัวตาม ซึ่งแน่นอน ท่าอากาศยานไทยจะได้ประโยชน์