การนิ่งเงียบไม่ช่วยแกไขความขัดแย้งซ้ำยังทำลายบริษัท
วัฒนธรรมการทำงานของเรามักไม่นิยมความขัดแย้ง ทำให้พนักงานต้องจำใจพยักหน้าทั้งๆ
ที่ใจอยากค้าน ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการที่ในที่ทำงานมีบรรยากาศที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่า
เขาคงจะต้องตกงานหากแสดงความเห็นที่ขัดแย้งออกมา หรือไม่ก็อาจทำให้ลูกค้ารายสำคัญต้องหลุดมือไป
หากขืนแสดงความขัดแย้งกับลูกค้า แต่ Leslie A. Perlow กลับไม่เห็นเช่นนั้น
Perlow ผู้เป็นนักมานุษยวิทยาวัฒนธรรมและรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Harvard
Business School ชี้ว่า การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีพลังในตัวเอง
แต่การนิ่งเงียบเก็บความรู้สึกไม่เห็นด้วยไว้ในใจต่างหาก ที่จะทำลายความสัมพันธ์ทางธุรกิจตลอดจนถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว
วังวนแห่งความนิ่งเงียบ
Perlow ชี้ว่าเมื่อเรานิ่งเงียบในครั้งแรก เราจะมีแนวโน้มที่จะนิ่งเงียบต่อไปเรื่อยๆ
ครั้งแล้วครั้งเล่า จนถลำลงสู่ "วังวนแห่งความนิ่งเงียบ" โดยหารู้ไม่ว่าเรากำลังทำสิ่งที่เสี่ยงต่อการสูญเสียตัวเอง
สูญเสียความสัมพันธ์กับผู้อื่น กระทั่งสูญเสียงานที่เราทำอยู่ การนิ่งเงียบเมื่อรู้สึกไม่เห็นด้วย
การเก็บความรู้สึกและการจำใจแสดงความเห็นด้วย ไม่ใช่วิธีแก้ไขความขัดแย้ง
แต่กลับทำให้เราเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ผิดหวัง กังวลหรือแม้แต่โกรธ แล้วเราก็จะโทษคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราอารมณ์ไม่ดี
หรือไม่ก็ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองกำลังอารมณ์บูด การทำเช่นนี้รังแต่จะเพิ่มความไม่สบายใจให้ตัวเองจนในที่สุดจะกลายเป็นการปกป้องตัวเองมากจนเกินไป
ซึ่งกลับจะทำร้ายความสัมพันธ์กับผู้อื่นให้เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว จนเหลืออยู่แต่ความรู้สึกไม่ไว้วางใจและความกลัว
การนิ่งเงียบไม่กล้าแสดงความแตกต่างออกมาส่งผลเสียต่อองค์กรดังนี้
‘ องค์กรจะไม่ได้รับความคิดใหม่ๆ เพราะไม่มีใครกล้าที่จะคิดต่าง จึงขาดการค้นพบทางเลือกใหม่ๆ
‘ อารมณ์ไม่ดีที่ไม่สามารถระบายออกมาจะเก็บกดอยู่ภายในใจส่งผลเสียต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
และต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนกระทบความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
‘ ผู้บริหารจะไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ให้ภาพอีกด้านหนึ่ง ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด
‘ ประสิทธิภาพการผลิตและความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรหดหาย
การไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระย่อมกลายเป็นความอัดอั้นตันใจ
และทำให้พนักงานหมดความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วม เพราะเมื่อคนเรารู้สึกว่าความคิดของตนไม่ได้รับการให้ความสำคัญ
ก็จะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า และจะแยกตัวออกจากงานและองค์กร ทำให้ความรู้สึกพึงพอใจในงานลดต่ำลง
บริษัทก็ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย
สลัดแบบแผนทิ้ง
Perlow เสนอทางแก้สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความนิ่งเงียบดังนี้
‘ หยุดโทษคนอื่นและกล้าที่จะรับผลที่เกิดขึ้นในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง
‘ ถ้าคุณเป็นผู้บริหาร จงให้เกียรติต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
‘ ทำต่างไปจากแบบแผนที่เคยปฏิบัติกันมาบ้างเพราะนี่เป็นวิธีที่จะทำให้เกิดการค้นพบทางเลือกใหม่ๆ
‘ สร้างพันธมิตรซึ่งจะทำให้ได้รับประโยชน์จากการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น