ภาพคุณพอลลีน แฮนสัน ปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้นบนจอทีวีอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหายไปพักใหญ่
ภาพคุณพอลลีนแฮนสันทำให้ผมย้อนคิดถึงความกลัวลึกๆ ในจิตใจที่เกิดขึ้นเกือบสิบปีก่อน
หลังจากอ่านนวนิยายโรแมนติกของคุณประภัสสร เสวิกุล เรื่อง "ขอให้รักเรานั้นนิรันดร"
จบลง
"ขอให้รักเรานั้นนิรันดร" เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่มีฉากหลังเป็นประเทศออสเตรเลีย
ความรักโรแมนติกบรรยากาศสวยงาม แต่แฝงด้วยความรุนแรงจากการไล่ล่าพระเอกในเรื่องของขบวนการคลู
คลัก แคลน
คนเอเชียผิวเหลืองอย่างผมมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนักในอดีตเกี่ยวกับออสเตรเลีย
และยังคงฝังแน่นในจิตใจลึกๆ
คลู คลัก แคลน คือกลุ่มคนที่มีความคิดเหยียดสีผิวเป็นแนวความคิดหลักที่ยึดโยงสมาชิกในกลุ่มไว้
และมีเป้าหมายที่จะต้องกำจัดคนผิวสีอื่นให้ออกจากประเทศไป
กลุ่มนี้ไม่ต่างจากกลุ่มนีโอนาซี ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศเยอรมันเมื่อหลายปีก่อน
และมีเป้าหมายที่จะกำจัดคนตุรกี รวมถึงคนเชื้อชาติอื่นๆ ที่ไปแย่งที่อยู่อาศัยและงานในประเทศเยอรมัน
คลู คลัก แคลน กับนีโอนาซี มีแนวคิดพื้นฐานที่ไม่ต่างกันตรงที่คิดว่า เผ่าพันธุ์ของตนเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดีที่สุด
คนเผ่าพันธุ์อื่นด้อยกว่าหมด และเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์
ก็จำเป็นจะต้องกำจัดคนเผ่าพันธุ์อื่นไปเสีย
เหมือนที่ฮิตเลอร์สั่งฆ่าคนยิวหลายล้านคนในสมัยสงครามโลก
พอลลีน แฮนสัน เป็นคนที่จุดประกายความคิด ที่ว่าคนผิวขาวเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดีที่สุดขึ้นมาในประเทศออสเตรเลีย
ผ่านนโยบายของพรรควันเนชั่น โดยเธอลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในรัฐควีนส์แลนด์
ครั้งนั้นนโยบายหลักของเธอคือ ต่อต้านการอพยพเข้าของคนต่างชาติ โดยเฉพาะคนเอเชีย
และไม่สนับสนุนการอุดหนุนทางการเงินของรัฐบาลให้กับชนเผ่าอะบอริจิน
คนเอเชียในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาเป็นกลุ่มชนหลักที่อพยพเข้ามาอาศัยในประเทศออสเตรเลีย
และทำให้เกิดชุมชนคนเอเชียหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนชาวจีนซึ่งเป็นชุมชนใหญ่มาก
เพราะประกอบด้วยคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน และฮ่องกง รวมถึงคนจีนที่อพยพไปอยู่ในประเทศต่างๆ
ชุมชนชาวเวียดนาม และชาวญี่ปุ่น เป็นต้น
ชาวเอเชียยังเป็นกลุ่มนักลงทุนกลุ่มหลักๆ ที่มาลงทุนในประเทศออสเตรเลียในช่วงหลังๆ
นี้ด้วย โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นที่มาลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ พอลลีน
แฮนสัน ได้รับคะแนนท่วมท้นในการเลือกตั้งครั้งนั้นและทำให้เธอ พรรควันเนชั่น
และนโยบายกีดกันสีผิวของเธอโด่งดังขึ้นมาเพียงแค่ข้ามคืน
และทำให้คนเอเชียอย่างเราๆ คิดขึ้นได้ว่า ความคิดใต้สมองลึกๆ ของคนออสเตรเลียมีเรื่องการกีดกันสีผิวอยู่
และทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยขึ้น
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้รัฐบาลออสเตรเลียหนักใจมาก เพราะผลกระทบเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ
การท่องเที่ยว และการศึกษา
การดึงเงินลงทุนกลับออกไปของกลุ่มทุนเอเชีย จำนวนนักท่องเที่ยวหลักที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ
และการตัดสินใจไปเรียนในประเทศอเมริกา หรือยุโรปแทนออสเตรเลียของนักเรียนต่างชาติ
โดยเฉพาะนักเรียนเอเชีย ทำให้กระทบแผนของรัฐบาลออสเตรเลีย ที่พยายามทำให้ประเทศตนเองเป็นศูนย์กลางการศึกษาในแถบเอเชียแปซิฟิก
กระแสของพอลลีน แฮนสัน ในครั้งนั้นรุนแรงถึงขั้นที่สามารถจะเติบโตและครองสัดส่วนในรัฐสภาออสเตรเลีย
และจะทำให้เธอสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียได้เลยทีเดียว แม้จะต้องรออีกหลายก้าวก็ตาม
นโยบายที่น่าเจ็บปวดต่อมาของเธอคือการกีดกันคนที่นับถือศาสนาอื่นนอกเหนือจากศาสนาคริสต์ ไม่ให้เข้ามาประเทศออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามการรณรงค์ของรัฐบาลออสเตรเลียที่มองเรื่องเศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญ
และถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ทันเหตุการณ์ทำให้กระแสของพอลลีน แฮนสัน ไม่ลุกลามไปมาก
คนออสเตรเลียหันมามองเรื่องปากท้องของตัวเองอีกครั้ง
ความรู้สึกต้อนรับคนต่างชาติ โดยเฉพาะเอเชียกลับมาอีกครั้ง
การมองที่ผลประโยชน์ที่ตนเองจะได้ในระยะยาว ทำให้ความคิดกีดกันสีผิวเจือจางลงไปมาก
จริงๆ แล้ว ความรู้สึกเหยียดสีผิว หรือเหยียดเผ่าพันธุ์อื่น เป็นความรู้สึกลึกๆ
ของคนหลายๆ เผ่าพันธุ์อยู่แล้ว
ความรู้สึกของคนจีนต่อคนไทย คนไทยต่อประเทศเพื่อนบ้านรอบข้าง หรือความรู้สึกยกย่องเชิดชูฝรั่งผิวขาวของคนไทย
รวมถึงความรู้สึกด้อยกว่าคนผิวขาว
ความรู้สึกแตกต่างทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ทำให้เกิดนโยบายที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นมากมาย
พอลลีน แฮนสัน ตอนนี้ต้องเผชิญกับปัญหาที่เธอสร้างขึ้นมาเองในการก่อตั้งพรรควันเนชั่นขึ้นมา
เมื่อศาลเมืองบริสเบนตัดสินจำคุกนางพอลลีน แฮนสัน สามปี ข้อหาหลอกลวงในการจดทะเบียนตั้งพรรค
และคงจะทำให้กระแสเหยียดสีผิวหยุดไปชั่วคราว คนที่อพยพเข้าประเทศออสเตรเลียก็หายใจคล่องขึ้นพักหนึ่ง
แต่ใครจะรู้ล่ะว่า จะไม่มีพอลลีน แฮนสัน คนที่สองเกิดขึ้นมาอีก