อีกไม่กี่ปี ไทยเราจะได้ใช้สนามบินแห่งชาติแห่งใหม่คือสนามบินสุวรรณภูมิกันแล้ว
อดใจรออีกไม่นานก็จะได้เห็นโครงสร้างรวมทั้งงานออกแบบอาคารโดยรวมซึ่งเป็นผลงานของ
Murphy/Jahn บริษัทสถาปัตยกรรมสัญชาติอเมริกัน
ณ เวลานี้ลองมาชื่นชมผลงานออกแบบของ Murphy/Jahn ที่เสร็จเรียบร้อยแล้วดูก่อน
เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของ Bayer บริษัทเคมี-เวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมนีนั่นเอง
อาคารนี้เป็นผลพวงจากนโยบายปรับโครงสร้างในทั่วโลกช่วงกลางทศวรรษ 1990 ของ
Bayer ซึ่งตั้งงบประมาณไว้มหาศาลถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และหันมาเน้นหรือให้ความสำคัญกับสายการผลิตเวชภัณฑ์
มากขึ้น
Bayer รู้สึกว่าสำนักงานใหญ่ที่เมือง Leverkusen เก่าแก่มากเพราะสร้างมานานถึง
30 ปีแล้ว เห็นควรจะเปิดทางให้กับอาคารแห่งใหม่ที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ
ให้กับบริษัทด้วย
เมื่อ Murphy/Jahn ชนะการประมูลออกแบบสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ
Bayer ในปี 1997 ก็ต้องรับเอาข้อผูกมัดว่า ต้องออกแบบอาคารที่ไม่เพียงจะสะท้อนถึงความเป็นศูนย์กลางของกิจการระดับโลก
แต่ยังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชุมชนเมืองที่มีประชากร 162,000 คนด้วย
สถาปนิก Helmut Jahn จึงทำงานชิ้นนี้ตามข้อกำหนดของ Bayer ที่ว่าต้องการอาคารทรงเตี้ย
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยเติมเต็มและกลมกลืนกับอุทยานที่อยู่ติดกันแต่เป็นที่ของส่วนบุคคลได้เป็นอย่างดี
Bayer จึงได้สำนักงานใหญ่ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในปีนี้ จุดเด่นคือสร้างด้วย
กระจกจึงมีความโปร่งใสโดยตลอด ตัวอาคารใหญ่เป็นรูปโค้งตัดครึ่ง (semi- elliptical)
แลดูสง่างาม นอกเหนือจากตัวอาคารใหญ่แล้ว ยังมี open-sided pergola ซึ่งเป็นอาคารยาวรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสร้างคร่อมพื้นที่ว่างระหว่างถนนและทางเข้า ตัวหลังคาของ pergola มุงด้วย Makrolon polycarbonate (เป็นแผ่นวัสดุสังเคราะห์โปร่งใสที่
Bayer เป็นผู้พัฒนาและผลิตขึ้นเอง) ซึ่งทำหน้าที่เป็นแผ่นฟิล์มที่มีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถเปลี่ยนสีได้
ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงอาทิตย์เป็นสำคัญ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่านลงมาจึงเกิดเป็นเหมือนม่านสีตก
กระทบลงบนพื้นซึ่งเป็นทางเดินสีขาวนั่นเอง ทำให้ผู้ที่เดินเข้าไปในตัวอาคารไม่เกิดอาการตาพร่า
ทีมสถาปนิกคำนวณให้เบ็ดเสร็จว่า แนวคิดเรื่องการใช้พลังงานแบบ integrated
energy ทำให้ อาคารกระจกใสรูปทรงโดดเด่นนี้ใช้เชื้อเพลิงจากซากฟอสซิล (fossil
fuels) ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการของอาคารทั่วไปที่มีขนาดเท่ากัน
ยกตัวอย่างคือ ด้านหน้าของตัวอาคารซึ่งสร้างด้วยกระจกแบบ twin-shelled glass
ทำหน้าที่ควบคุมการหมุนเวียนของอากาศโดยมีอุณหภูมิภายในและภายนอกตัวอาคารเป็นกลไกควบคุม
เมื่อภายในอาคารต้องการอากาศมากขึ้น แผงกระจกด้านนอกจะเปิดออก ส่วนหน้าต่างที่อยู่ภายในจะเปิดทิ้งไว้หรือปิดเสียก็ได้
เพราะมีแผงคอนกรีตที่อยู่ใกล้กับพื้นเป็นตัวรับความร้อนหรือความเย็น เพื่อเป็นกลไกควบคุมอากาศที่ไหลเข้าสู่ตัวอาคารอีกทีหนึ่ง
นับเป็นการลงลึกในรายละเอียดของงานออกแบบระบบหมุนเวียนอากาศได้อย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ ความร้อนหรือความเย็นยังสามารถถ่ายเทสู่ตัวอาคารได้อีกวิธีหนึ่งด้วยการเดินท่อน้ำระบบ
integrated piping network มาตามพื้นคอนกรีตโดยสูบน้ำจากแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียงขึ้นมานั่นเอง
ดังนั้น ความพิเศษแบบสุดๆ ของสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Bayer จึงไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์สวยสง่าเด่นสะดุดตาของโครงสร้างอาคารโดยรวมที่กลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม
หากแต่เป็นเรื่องของรายละเอียดการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดที่ผู้ใช้เองก็แทบจะไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำ