แม้จะเป็นธนาคารขนาดเล็ก แต่ SCNB ก็วางตำแหน่ง
ของตัวเองในธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่เน้นแต่เชิงปริมาณ
เพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นในเชิงคุณภาพด้วยการสรรหา
วิธีการกระตุ้นการใช้บัตรด้วยวิธีที่แยบยลที่สุด
เป้าหมายหลักในธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน (SCNB)
ที่แม้จะเป็นเพียงสถาบันการเงินผู้ออกบัตร (Issuer) รายเล็ก ที่ไม่ติดอันดับ
1 ใน 5 รายใหญ่ แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจาก Issuer รายอื่น เพราะไม่ได้เน้นไปที่จำนวนบัตรที่ออกสู่ท้องตลาด แต่เน้นที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร รวมถึงการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer Satisfaction) เป็นหลัก
ปัจจุบันจำนวนสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิต SCNB มีทั้งหมดประมาณ 200,000 ใบ
แบ่งเป็นบัตรทองประมาณ 40,000 ใบ ที่เหลือเป็นบัตรคลาสสิก มียอดการใช้จ่าย
ผ่านบัตรเฉลี่ยใบละประมาณ 8,000-10,000 บาทต่อเดือน SCNB ได้ตั้งเป้าหมายว่า
ยอดใช้จ่ายต่อบัตรจะเพิ่มขึ้นอีก 10-15% ในปีหน้า
SCNB ต้องการเป็น niche player ในธุรกิจนี้ ด้วยการตอบสนองความต้อง การของลูกค้ากลุ่มที่เห็นว่าการบริการหลังการขายเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าโปรโมชั่นที่ได้
รับในตอนแรกเข้า
"จากการสำรวจความต้องการของลูกค้า เราพบว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องการจากบัตรเครดิต
คือ บริการด้านการเงิน (Financial Services) และสิทธิประโยชน์ต่างๆ (Privileges)
มากกว่า" อารยา ภู่พานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
SCNB กล่าว
SCNB พยายามให้บริการด้านการเงิน ด้วยการเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน (Flexibility)
และลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า โดยได้ขยายวงเงินต่อบัตรให้สูงขึ้น ปัจจุบันวงเงินสำหรับบัตรทองสูงสุดถึง 500,000 บาท นอกจากนี้ยังลดค่าธรรมเนียมการเบิกเงินสดจาก 3% เหลือ 1.5% ยกเว้นค่าธรรม เนียมสำหรับบัตรเสริม และเพิ่มบริการ
Gold Card Center ซึ่งเป็น call center ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ผู้ถือบัตรทอง ยังสามารถนำคะแนนสะสมที่ได้จากการใช้จ่ายในเดือนที่แล้ว
มาลดยอดการใช้จ่ายในรอบบัญชีถัดไปได้ ซึ่งนับเป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายเดียวที่นำเสนอบริการลักษณะนี้
ด้านสิทธิประโยชน์ต่างๆ SCNB ได้ศึกษาพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรและเห็นว่าลูกค้ามีความสนใจในกิจกรรมหลักๆ
4 กลุ่ม ประกอบด้วยการใช้จ่ายในโรงแรมและร้านอาหาร การใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวและเดินทาง
การใช้จ่ายในกิจกรรมของครอบครัว และการใช้จ่ายเพื่อดูแลรักษาสุขภาพ SCNB
จึงได้ร่วมกับพันธมิตรเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ได้แก่
กลุ่มโรงแรมแมริออท สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก โรงภาพยนตร์ในเครืออีจีวี และโรงพยาบาลสมิติเวช
ตัวอย่างสิทธิประโยชน์ของบริการนี้ เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช จะมอบส่วนลด
10% สำหรับค่ายา ค่าบริการห้องแล็บ เอ็กซเรย์ และค่าห้องพัก ให้กับครอบครัวสมาชิกผู้ถือบัตร
ซึ่งประกอบด้วยบิดา มารดา สามี ภรรยา และบุตร
นอกจากนี้ SCNB ยังได้นำเสนอบริการ Easy Pay รายการเลือกใช้วิธีผ่อนชำระด้วยการบอกทางโทรศัพท์ในภายหลัง
โดยผู้ถือบัตร ทั้งบัตรทองและบัตรคลาสสิก สามารถแจ้งมายังธนาคารอย่างน้อย
3 วันก่อนครบกำหนดชำระว่า ต้องการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายในรายการใดบ้าง และภายในระยะเวลาเท่าใด
โดยสามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือนและ 12
เดือน โดยธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้น ลดดอกในอัตรา 14.34%-17.27% ขึ้นอยู่กับระยะเวลาผ่อนชำระ
ประโยชน์หลักของ Easy Pay จะทำให้ลูกค้าสามารถจัดการเงินสดส่วนตัว (personal
cash management) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสมาชิกบัตรสามารถตัดสินใจเลือกใช้วิธีการจะผ่อนชำระได้
เพียงไม่กี่วันก่อนวันครบกำหนดชำระตามรอบบัญชี นอกจากนี้ บริการนี้ยังช่วยแก้ปัญหาที่ในบางครั้งผู้ใช้บัตรอาจเกิดความรู้สึกเขินอายต่อพนักงานขายสินค้า
ในการแจ้งว่าจะใช้วิธีการผ่อนชำระ ค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิต ณ จุดที่ซื้อสินค้า
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา SCNB ได้จัดงาน "Empower the Power"
ขึ้นที่ห้าง The Emporium เพื่อประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่สมาชิกบัตร
จะได้รับจากบริการ Easy Pay ณ บริเวณลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ซึ่งถูกประดับไปด้วยสีทองและสีดำ
ในบรรยากาศเรียบ แต่หรู เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของบัตรเครดิต
การจัดงานดำเนินไปอย่างเรียบง่าย สั้นและกระชับ แต่ช่วงที่รวมความสนใจของแขกผู้ร่วมงานได้ดี
คือช่วงการขับกล่อม จากนักร้อง อาทิ กบ เสาวนิตย์ บญ ชลาทิศ ธีร์ ไชยเดช
เคล้ากับเสียงเปียโนของโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร
Annemarie Durbin CEO ของ SCNB กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นเพียง บางส่วนของสิ่งที่ธนาคารจะให้กับลูกค้า
และยังมีบริการใหม่อีกมาก ที่จะทยอยออก ตามมาในไม่ช้านี้