แอนดรูว์ แม็คบีน ใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือน สร้างความท้าทายบนเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ บริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ด้วยการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรแห่งนี้ในหลายมิติ
แม็คบีนจัดได้ว่าเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการของไมโคร
ซอฟท์ ประเทศไทย ก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นคนไทยทั้งสิ้น เช่น อาภรณ์ ศรีพิพัฒน์
ที่เข้ามาบุกเบิกการขายในไทย และได้รับมอบหมาย ให้จัดตั้งสำนักงานสาขาขึ้นที่นี่
ภายหลังจากอาภรณ์ลาออกไปตั้งบริษัทภูมิซอฟท์ พัฒนาซอฟต์แวร์เป็นของตัวเอง
ไมโครซอฟท์ก็ได้พีรพงษ์ เอื้อสุนทรวัฒนา จากบริษัทคอมแพค ประเทศไทย มาเป็นกรรมการผู้จัดการ
แอนดรูว์ แม็คบีน เป็นชาวสกอตโดยกำเนิด โดยส่วนตัวชอบประวัติศาสตร์ และโบราณคดี
มีแม่เป็นครูสอนโบราณคดี แต่เพื่อตอบรับกระแสความต้องการแรงงานทางด้านไอทีที่มีมากกว่า
เขาจึงเลือกเรียนคอมพิวเตอร์
หลังเรียนจบ เริ่มต้นชีวิตทำงานโดยเป็นโปรแกรมเมอร์ ซึ่งเชี่ยวชาญภาษา
dBASE ในประเทศอังกฤษ และหาประสบการณ์ทำงานอยู่ในบริษัทไอทีที่นั่นอยู่หลายปี
ทำงานเป็น Technical Support Analyst ให้กับบริษัท Ashton-Tate ก่อนที่จะย้ายมาดูแลด้านพัฒนาธุรกิจ
ให้กับบริษัทไอทีในอังกฤษ และมาได้งานที่ European Software Publishing (ESP)
บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ของยุโรป
จากผลงานที่ผลักดันให้บริษัท Symantec ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ESP ทำยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น
600% ภายในเวลา 3 ปี ได้รับมอบหมายให้ไปบุกเบิกตลาดที่ประเทศฝรั่งเศส และเยอรมนี
ซึ่งเป็นช่วงที่ทำให้เขาได้เรียนรู้โลกกว้างทั้งผู้คนและวัฒนธรรมที่แตกต่าง
หลังจากร่วมงานที่ ESP เป็นเวลา 6 ปี เขาก็ย้ายมาทำงานกับบริษัทโลตัส ซอฟท์แวร์
ประจำภูมิภาคแอฟริกาใต้ ในตำแหน่ง Cape Town branch manager จนเมื่อไอบีเอ็มซื้อกิจการโลตัส
เขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศของไอบีเอ็ม ในส่วนงานซอฟต์แวร์ของโลตัส
ในปี 2538
แอนดรูว์ย้ายมาร่วมงานกับไมโครซอฟท์ในปี 2540 ในตำแหน่ง Corporate Sales
Manager รับผิดชอบดูแลทีมฝ่ายการตลาดและการขาย สำหรับลูกค้าองค์กรของไมโครซอฟท์ในภูมิภาคแอฟริกาใต้
2 ปี ก่อนจะถูกย้ายมาเป็นผู้จัดการประจำภูมิภาค รับผิดชอบด้านการบริหารกลยุทธ์พันธมิตร
และลูกค้าในภูมิภาคเอเชีย ประจำอยู่ที่กรุงโตเกียว ต่อมาก็ได้โปรโมตขึ้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรและผู้อำนวยการฝ่ายขายครอบคลุม
12 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย
ความประทับใจที่มีต่อประเทศญี่ปุ่นเป็นพิเศษ ไม่เพียงเฉพาะการเรียนรู้ภาษา
แต่ยังรวมไปถึงการเรียนรู้ในการทำงานใหม่ๆ ในประเทศภูมิภาคในแถบนี้
ในปี 2544 แอนดรูว์ได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานผู้อำนวยการ ไมโครซอฟท์ ประเทศอินโดนีเซียและผลงานจากการสร้างความเติบโตในตลาดเกิดใหม่อย่างอินโดนีเซีย
ที่เขาสามารถสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานรัฐ และการเข้าถึงความต้องการของตลาด
ทำให้เขาถูกเลือกสำหรับตลาดในไทย ที่ได้รับการคาดหมายถึงความสำเร็จภายใต้ท่วงทำนองการทำธุรกิจที่ไม่แตกต่างกันนัก
ความสนใจส่วนตัวของเขาเป็นเรื่องราวของศาสนาและประวัติศาสตร์ เลือกพักผ่อนด้วยการท่องเที่ยว
ปีนเขา และศึกษาเรื่องราวของแต่ละประเทศ ภาษาไทยกำลังเป็นภาษาใหม่ที่กำลังถูกเรียนรู้อย่างรวดเร็ว
ต่อจากญี่ปุ่น ที่เขาพูดได้คล่องแคล่วไปแล้วก่อนหน้านี้
ด้วยไลฟ์สไตล์เหล่านี้ บวกกับประสบการณ์การทำงานในหลายประเทศ ที่เขาสามารถเรียนรู้อย่างรวดเร็ว
ความเป็นต่างชาติ ของเขาจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างการเรียนรู้ใหม่ในแต่ละประเทศที่ต้องไปดูแล
ซึ่ง มีความแตกต่างในเรื่องวัฒนธรรม แต่กลับเกื้อกูลต่อการเข้าถึงลูกค้าในท้องถิ่น
โดยเฉพาะความสำเร็จในอินโดนีเซีย ที่จัดเป็นตลาดใหม่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเมืองไทย
งานแรกที่เขาทำหลังถูกเลือกให้เข้ามารับผิดชอบไมโครซอฟท์ ประเทศไทย คือ
การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรใหม่ ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เขายกตัวอย่างโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร
"ไม่ใช่แค่การลดราคา แต่เป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ของไมโครซอฟท์ ในการนำเทคโนโลยีไปสู่คนหมู่มาก"
แอนดรูว์บอก "ไม่ใช่แค่กระทรวงไอทีซีทีเท่านั้น เรายังมี Project ที่กำลังทำร่วมกับอีกหลายกระทรวง"
แม้ไมโครซอฟท์จะประสบความสำเร็จ ในเรื่องเทคโนโลยี แต่ก็มีภาพที่ไม่ดีนักในสายตาของลูกค้า
แอนดรูว์จึงต้องเปลี่ยนท่าที ของไมโครซอฟท์ใหม่ ให้เป็นมิตรมากขึ้น
ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้มอบเงิน 250 ล้านบาทให้หน่วยงานนี้นำไปใช้ในการติดตั้งคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนระดับประถมในถิ่นทุรกันดาร
"ไมโครซอฟท์อยากให้ทุกคนได้เข้าถึง หากมีข่าวอะไรเกิดขึ้น อยากให้เราเพิ่มเติมข้อมูล
ติดต่อ หรือยกหูมาหาผู้บริหารของเราได้ทุกคน นี่คือสิ่งที่เราทำเวลานี้"
แอนดรูว์ประกาศต่อหน้าผู้สื่อข่าวในงานแถลงข่าวผลงานในช่วง 3 เดือนของเขา
เป้าหมายของไมโครซอฟท์ต้องการขยายจากลูกค้าส่วนบุคคล ไปจนถึงองค์กรธุรกิจทั้งเล็กและองค์กรขนาดใหญ่
โดยเฉพาะภาคราชการและการศึกษา ที่เป็น 2 ตลาดใหญ่ที่สร้างรายได้ให้ไมโครซอฟท์ในระยะยาว
ลูกค้าเหล่านี้ย่อมต้องมีวิธีการทำตลาด ที่แตกต่างไปจากลูกค้าบุคคลทั่วไป
นั่นหมายความว่าวิธีคิดและกระบวนการทำงานของพนักงานจำเป็นต้องสอดคล้องกับแนวทางธุรกิจแบบใหม่
ภายในองค์กรของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย นอกจากอัดฉีดเงินเพิ่มทีมงานเลือดใหม่
ที่เลือกเฟ้นมาจากบริษัทไอทีต่างๆ เข้ามาเสริมทีมแล้ว วิธีการทำงานก็ต้องเปลี่ยน
ไปด้วย แอนดรูว์เรียกช่วงเวลานี้ว่าเป็นการ Transform บริษัท
อย่างแรกคือ ทีมงานต้องมี customer focus ต้องเข้าใจลูกค้า ทำตัวให้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น
เข้าถึงง่ายขึ้น และต้องยืดหยุ่นมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ไมโครซอฟท์ต้องเป็นมิตรกับทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นพาร์ตเนอร์ที่ต้อง
มีข้อเสนอ และกลไกที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และต้องให้การสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์
เพราะกระแสของลีนุกซ์ที่มาแรงในไทย ไม่ใช่เรื่องที่ไมโครซอฟท์จะอยู่นิ่งเฉยได้
"เราพยายามให้ลูกค้ามองเห็นมูลค่าเพิ่มมากกว่าในเรื่องของราคา เพราะหากฟรี
จะไม่เห็นมูลค่าของมัน แต่หากบอกว่ามันมีมูลค่า เราจะสร้างมูลค่า นี่คือเป้าหมายหนึ่ง
ที่แอนดรูว์เล่าให้ฟัง
การสร้างมูลค่าเพิ่มที่จะใช้สร้างความสำเร็จในระยะยาว ไม่ได้อยู่แค่ซอฟต์แวร์เท่านั้น
แต่ต้องควบคู่กันไปทั้งกระบวนการตั้งแต่สายสัมพันธ์อันดี ลูกค้าสื่อการมีแอพพลิเคชั่นให้เลือกมากขึ้น
ตามเป้าหมายที่วางไว้แอนดรูว์จะใช้เวลา 3 ปีข้างหน้าผลักดันให้มูลค่าธุรกิจของไมโครซอฟท์ในไทยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
และหากทำสำเร็จย่อมหมายถึงก้าวใหม่ของไมโครซอฟท์