ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2547 จะมีคอนโดมิเนียมเปิดตัว ใหม่อีกโครงการหนึ่งบริเวณปากซอยเซ็นต์หลุยส์
บนถนนสาทร ของกลุ่มเมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์เก่าแก่
อีกรายหนึ่ง ที่กลับมารุกตลาดที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีนี้
ชื่อของบริษัทเมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริหารงานโดย วีระ บูรพชัยศรี
กรรมการผู้จัดการอาจจะยังไม่เป็นที่คุ้นเคยของผู้คน แต่หากขยายความต่อว่า
วีระคือลูกชายคนเดียวของทองไทร บูรพชัยศรี เจ้าของเมโทร จอมเทียน คอนโดเทล
พัทยา รีสอร์ท คอนโดมิเนียมสูงที่สุดริมหาดจอมเทียนขนาด 42 ชั้น จำนวน 655
ยูนิต ที่สร้างเสร็จในช่วงฟองสบู่ฟูฟ่อง หลายคนก็คงจำได้ทันที
วีระจบระดับปริญญาตรีด้าน Mechanical Engineering University of Colorado
at Boulder และปริญญาโททางด้าน Marketing University of Illinois at Urbana
Champaign, USA ปัจจุบันเป็นทายาทคนสำคัญในการสานต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ของตระกูล
หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ กลุ่มนี้ก็ได้กลับมาทำโครงการเล็กๆ ที่มีกำลังซื้อแน่นอนกว่า
ทำเลใจกลางเมืองในกรุงเทพฯ แทน และเก็บเม็ดเงินกำไรไปอย่างเงียบๆ ในโครงการ
"พรอมิเนทท์เพลส" บนถนนสุขุมวิท 101 "ร่มไทรเรสซิเดนท์" ที่ซอยทองหล่อ และเมื่อปี
2543 ได้ไปซื้อหนี้โครงการ "สีลมซิตี้" ของถาวร ตรีศิริพิศาล อดีตเจ้าพ่อคอนโดมิเนียมอีกคนในวงการที่ติดอยู่กับสถาบันการเงินมาพัฒนาเป็น
"สีลมเทอเรส" คอนโดสูง 8 ชั้น 155 ยูนิต
นับว่าเป็นการคอยจังหวะอย่างใจเย็นเพื่อการลงทุนครั้งใหญ่ แต่เป็นการตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการเข้าไปซื้อที่ดินแปลง
ใหญ่ กลางเมืองในซอยศาลาแดง หลังโครงการเซ็นทรัล ชิดลม ประมาณ 2 ไร่ ในราคาเกือบ
3 แสนบาทต่อตารางวา เพื่อทำโครงการ "สีลม แกรนด์ เทอเรส" เป็นการซื้อ-ขายที่ดินแปลงใหญ่
ที่มีมูลค่าสูงมากในวงการซื้อขายที่ดินหลังจากซบเซามานาน
การตัดสินใจครั้งนี้ของวีระมีผลมาจากความมั่นใจในตลาด ที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง
เพราะโครงการล่าสุดของเขา สีลม เทอเรส นั้น เขาบอกว่า สามารถปิดการขายได้ในเวลา
เพียง 3 อาทิตย์ เท่านั้น
สีลม แกรนด์ เทอเรส เป็นที่พักอาศัยขนาด 252 ยูนิต ราคาประมาณ 6.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร
ยูนิตละประมาณ 2 ล้านกว่าบาทขึ้นไป จนถึงระดับราคาประมาณ 20 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ส่วนหนึ่งชั้นล่างสุดเป็นร้านค้าย่อยและคาดว่าโครงการ
จะเปิดได้ประมาณกลางปี 2548
โครงการนี้เปิดตัวไปเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2546 ถัดไปประมาณ 2 สัปดาห์
วีระยืนยันว่าไม่ต้องโทรเข้ามาซื้อ ทุกยูนิต จองหมดแล้ว ถ้าหากใครมีความต้องการจริงๆ
ก็คงต้องซื้อต่อ จากเจ้าของสัญญาเดิม และต้องยอมเสียเงินค่าเปลี่ยนมือที่ยูนิตละ
5 หมื่นบาท ด้วยวิธีนี้รู้เป็นนัยๆ ว่าอย่างน้อยเป็นการป้องกัน พวกที่ซื้อไว้เพื่อการเก็งกำไรระดับหนึ่ง
หรือไม่อย่างนั้นก็รอซื้อโครงการใหม่ของบริษัทในซอย เซ็นต์หลุยส์ ที่มีกำหนดเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์
2547 ซึ่งมีจำนวนพื้นที่โครงการ ขนาด และราคาขายต่อยูนิตไม่แตกต่างจาก โครงการเดิมแต่จะทำสถิติการขายรวดเร็วหรือไม่
ต้องคอยดู