บีโอไอหวังดึงการลงทุนต่างประเทศ โดยไม่นับไต้หวัน เข้าไทยปีหน้าเพิ่มเท่าตัวจากปีนี้
ขณะ ที่บริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์-ชิ้นส่วนยานยนต์ จากไต้หวัน เตรียมยกพลลงทุนในไทยปีหน้ากว่า
8 หมื่นล้านบาท
นายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่าเขาหวังให้บีโอไอดึงโครงการลงทุนจากต่างประเทศเข้าประเทศไทย
ที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ เพิ่มเท่าตัว เป็นประมาณ 6 พันล้านบาทปี 2547
จากปีนี้ โดยเน้นดึงบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติจากประเทศเอเชียตะวันออก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
(SMEs) ทั้งของประเทศเหล่านั้น และของไทย ลงทุนตาม ในลักษณะบริษัทสนับสนุน (Supporting
Industries) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากนายก-รัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรองนายก-รัฐมนตรี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เดินทางเยือนต่างประเทศต่อเนื่อง เพื่อเจาะตลาดเดิมและตลาดใหม่
ๆ ทั้งด้านการค้า ที่ต้องเชื่อมกับการลงทุน
โดยบีโอไอพร้อมสนองตอบนโยบายนายสมคิด ที่ต้องการทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้
ทางด้านสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยการดึงการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านนี้ จากประเทศในเอเชียตะวันออก
ทั้งเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น ให้ย้ายฐานการผลิตหลักมาสู่ประเทศไทยให้ได้ต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากจีน มีปัญหาถูกกีดกันนำเข้าเครื่องรับโทรทัศน์จากสหรัฐอเมริกา
ที่จะมีผล ม.ค.ปีหน้า
"ประเทศไทยมีโอกาสมาก ที่จะเป็นศูนย์กลาง การลงทุนภูมิภาคนี้ เพราะความมีเสถียรภาพด้านการเมือง
และเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มขยายตัวยั่งยืน คนไทยมีความเป็นมิตรกับต่างชาติ ขณะที่ผู้ผลิตจากประเทศอย่างเกาหลี
หรือญี่ปุ่น พยายามกระจายความเสี่ยงการลงทุนออกจากจีน" เขากล่าว
ไต้หวันลุยลงทุนไทย 8 หมื่นล้านปี 47
ขณะที่ปี 2547 เขากล่าวว่าผู้บริหารระดับสูงบริษัทในไต้หวัน ด้านการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ รวมถึงด้านชิ้นส่วนยานยนต์ เตรียมเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า
8 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้ไทยเป็นฐานส่งออก ประเทศอาเซียนอื่น ๆ บางส่วนด้วย
"ขณะนี้ บริษัทต่าง ๆ ในไต้หวัน กว่า 56,000 บริษัท กำลังกระจายการลงทุนไปที่ต่าง
ๆ ทั่วโลก ซึ่ง เท่าที่ผมคุยกับซีอีโอบริษัทในไต้หวันหลาย ๆ บริษัท เขามองประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ดีที่สุดสำหรับ
การลงทุนจากต่างประเทศ"
นอกจากนี้ บีโอไอจะทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ต่อเนื่องปีหน้า เพื่อดึงโครงการลงทุนจากญี่ปุ่น
สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ พร้อมกับใช้นโยบายดึงโครงการลงทุนที่เน้นการลงทุนด้านพัฒนา
ทักษะคนไทยให้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยี และด้านสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ (Skills, Technology
an Innovation-STI) โดยมีกองทุนวิจัยสนับสนุน โดย เฉพาะอุตสาหกรรมแฟชั่นเสื้อผ้า
ยานยนต์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งรวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เน้นนวัตกรรมใหม่ ๆ
เพื่อสนองนโยบาย พ.ต.ท. ทักษิณ ที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี
2558 เร็วกว่าเป้าหมายมาเลเซีย 5 ปี
พลิกบทบาทบีโอไอ
ขณะเดียวกัน นายสมพงษ์กล่าวว่าบีโอไอต้อง พลิกบทบาทตนเองใหม่หมด โดยเน้นส่งเสริมการลงทุนให้ตรงจุด
ตั้งทีมงานดึงการลงทุนด้านนี้โดยเฉพาะ ขณะที่ปีหน้า บีโอไอจะเน้นจัดโรดโชว์ดึงนักลงทุนต่างชาติทั่วโลกเข้าไทยมากขึ้นต่อเนื่อง
รวมถึงการผลักดันบริษัทไทย ให้ลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เขมร พม่า เพื่อใช้ประโยชน์แรงงานราคาถูกจากประเทศเหล่านี้
รวมถึง การมุ่งร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วม กับจีนตอนใต้ และเวียดนาม
เลขาธิการบีโอไอกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ กฎระเบียบด้านส่งเสริมการลงทุนจากไทยยังล้าสมัย
เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ อีกหลายแห่งทั่วโลก ประเทศไทยต้องแก้กฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุนจากต่างประเทศ
สำหรับกรณีที่เสนอให้บีโอไอเป็นองค์กรอิสระ นายสมพงษ์กล่าวว่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
เพราะการเป็นองค์กรอิสระ ต้องมีเป้าหมายชัดเจน ต้องมีความพร้อมด้านกำลังคน และอีกหลาย
ๆ ด้าน ขณะนี้ เขากำลังขอความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ ว่าบีโอไอต้องการเป็นองค์กรอิสระหรือไม่