Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 พฤศจิกายน 2546
บีโอไอวางแผนดึงลงทุนปี47 เน้น5กลุ่มปท.ผนึกผู้ว่าCEO             
 


   
search resources

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน - บีโอไอ
ประพัฒน์ โพธิวรคุณ




บีโอไอเปิดแผนดึงเม็ดเงินลงทุนปี 2547 ด้วยการเน้น 5 กลุ่มประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องทั้ง จีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกาเหนือ และอาเซียน โดยมีแผนตั้งกลุ่มภารกิจขึ้นมาโดยเฉพาะ พร้อมร่วมมือกับผู้ว่า CEO อาศัยสำนักงาน ภูมิภาค 7 แห่งเชื่อม SMEs สลงทุน หวังสนองนโยบาย "พินิจ" วางเป้าลงทุนปีหน้าสูงกว่า 2.2 แสนล้านบาท

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของ บีโอไอในปี 2547 มุ่งที่จะชักจูงการ ลงทุนยัง 5 กลุ่มประเทศเป้าหมายได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกาเหนือ (อเมริกา แคนาดา) และอาเซียน โดยมีแผนจัดตั้งกลุ่มภารกิจหรือ Country Desk and Region Desk เพื่อดูแลรับผิดชอบการลงทุน จากกลุ่มประเทศเป้าหมายดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประ- สิทธิภาพ ซึ่งเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI จะยังคงเป็นแผนสำคัญที่จะมีส่วนผลักดันการพัฒนาระบบเศรษฐกิจไทย

ขณะเดียวกันภายในประเทศนั้นการส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในภูมิภาคก็จะดำเนินการร่วม มือกับผู้ว่าราชการจังหวัดหรือ ผู้ว่า CEO โดยอาศัยสำนักงานภูมิภาคของบีโอไอที่มีอยู่ 7 แห่งในจังหวัด เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา และชลบุรี เป็นตัวเชื่อมในการสนับ สนุนกิจการวิสาหกิจขนาดกลาง และ ย่อม(SMEs) ในกลุ่มจังหวัดต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น

สำหรับการส่งเสริม SMEsบีโอไอจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำความคิดสร้างสรรค์ (Design and Creative) มาผลิตสินค้าให้ มีมูลค่าเพิ่ม และเกิดการสร้างความ เชื่อมโยงในการผลิตและการบริการ แบบครบวงจร อาทิ การวิจัยและพัฒนา การขนส่ง การผลิตวัสดุหีบห่อที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนกิจการ SMEs ที่จะสามารถผลิตชิ้นส่วน เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ

"การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 10 เดือนแรกของปี 2546 รายใหญ่สุดที่เข้ามาก็ยังคงเป็นญี่ปุ่น ยุโรป ไต้หวัน และอเมริกา โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์อยู่เสมอ ซึ่งการที่ตั้งเป้าหมาย 5 กลุ่มประเทศปีหน้าก็มองจากความเป็นจริง เนื่องจากเชื่อว่ายังมีการขยายการลงทุนจากกลุ่มประเทศ เหล่านี้มาอีก จากการสอบถามเบื้องต้น" แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานดังกล่าวเพื่อที่จะเร่งผลักดันการเพิ่มการลงทุนในประเทศให้สูงขึ้นและ เป็นไปตามเป้าหมายที่ล่าสุดนายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายจะปรับเป้าลงทุนปี 2547 ใหม่ให้เพิ่ม ขึ้นจากเดิมกำหนดไว้ที่ 220,000 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้มียอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่ม มากขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปี 2546 มูลค่าลงทุนจะเพิ่มเป็น 300,000 ล้านบาท ซึ่งทะลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 200,000 ล้านบาท

แหล่งข่าวยังได้กล่าวถึงนโยบาย ที่รมว.อุตสาหกรรมได้พิจารณาให้บีโอไอมาศึกษาให้กลายมาเป็นองค์กรในกำกับกระทรวงอุตสาหกรรม หรือไม่ เพื่อความอิสระ และคล่องตัวในการทำงาน ลักษณะเดียวกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หรืออาจ จะปรับเพิ่มเงินเดือนให้นั้น เป็นเรื่อง ที่น่ายินดีเนื่องจากหลังการปฏิรูปราชการ บีโอไอถูกลดบทบาทเป็น หน่วยงานราชการ ภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทำให้เกิดปัญหาขั้นซี หรือตำแหน่งราชการที่จะต้องถูกปรับลดลงไปอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ท้อแท้และสมองไหล ในช่วงที่ผ่านมาได้ลาออกไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเอกชนบ้างแล้ว และหากปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นปัญหาที่แก้ ไม่ตก

นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประ- ธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท). กล่าวว่า 1-2 ปีข้างหน้า คาดว่ายอดการลงทุนของภาคเอกชน คงจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่อง จากในช่วงวิกฤติไม่มีการลงทุนขยาย กำลังการผลิตเพิ่ม เพราะใช้กำลังการ ผลิตเดิมที่มีอยู่เพียงแค่ 50% แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวทำให้ผู้ประกอบ การวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิต เพิ่ม เพื่อรองรับกับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม บีโอไอจะต้องปรับแผนการดึงดูดการลงทุนใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะยุทธ-ศาสตร์ผู้ว่าฯซีอีโอที่จะช่วยกระจาย การลงทุนไปทั่วทุกภูมิภาคของประ- เทศจากปัจจุบันมีการลงทุนกระจุกตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ สมุทรปรา-การ ระยอง ชลบุรี

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us