Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2543
บัณฑูร ล่ำซำ             
โดย วิรัตน์ แสงทองคำ
 


   
search resources

บัณฑูร ล่ำซำ
Banking and Finance




คำพูดของเขาฮือฮาเสมอ และชวนให้มีการตีความอย่างมากมาย โดยเฉพาะ ปุจฉา-วิสัชนา เกี่ยวพันไปถึงภาพกว้างกว่าธุรกิจธนาคารไปถึงการเมือง

ปุจฉาที่เร้าใจจึงมีว่า บทบาทของผู้นำธนาคารที่เข้มแข็งสุดของไทย มีความสัมพันธ์กับการเมืองอย่างไร ซึ่งความโน้มเอียงในการอรรถาธิบายด้วยทฤษฎีสายสัมพันธ์แบบเดิมกำลังทำงานอยู่นั้น

ผมคิดว่าทฤษฎีนั้น ใช้ไม่ได้กับบัณฑูร ล่ำซำ

สิ่งที่ผมจะถ่ายทอดจากนี้ไป มาจากบทสนทนาในบ่ายวันหนึ่งของปลายเดือนกันยายน กับ "ผู้จัดการ" ธนาคารไทยที่ฝรั่งยกย่องว่า การบริหารดีที่สุด โดยบทสนทนาในเรื่องหลาก หลาย มิใช่การสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ และเรื่องที่ผมเล่าจากนี้ก็เป็นการ "จับประเด็น" และ "ตีความ" ของผมเอง

เขามองว่าประเทศไทยขณะนี้ มิได้มีปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วงเพียงด้านเดียว หากมันเป็นวิกฤติการณ์ของสังคมเลยทีเดียว ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามอยู่ในสังคมนี้ก็ต้องเชื่อมโยงปัญหาเหล่านี้เข้ากับการทำงาน และชีวิตของพวกเขาทั้งสิ้น

ทั้งหมดจะต้องแก้ด้วย "การบริหาร" ที่มีความสามารถ มิใช่แก้ด้วย "การเมือง" แนวคิดนี้สัมพันธ์กับประสบการณ์ของเขา ความสำเร็จในยุคของเขาที่เข้ามารับช่วงธุรกิจของตระกูลล่ำซำนั้น สถานการณ์แตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างมาก รุ่นก่อนต้องอาศัยความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับผู้มีอำนาจ แต่ยุคนี้ต้องการการบริหารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันระดับโลก

เขามักจะให้ความสำคัญในเรื่องวินัยของคนในสังคมอย่างมาก

อีกมิติหนึ่ง ธุรกิจธนาคารกลายเป็นธุรกิจที่อยู่ส่วนหน้าของโลกาภิวัตน์ ความสัมพันธ์ในท้องถิ่นมีพลังน้อยลงๆ เป็นลำดับ

อย่างไรก็ตาม "ภาพทางความคิด" ของผู้บริหารมิเพียง มองระดับโลกาภิวัตน์เท่านั้น จะต้องมองระดับท้องถิ่น และระดับประเทศด้วย

บัณฑูร ล่ำซำ มองปัญหาสังคมไทยออกเป็น 3 ระดับ ที่จะต้องจัดการแตกต่างกันไป

หนึ่ง - ระบบเศรษฐกิจที่อยู่ในโลกาภิวัตน์ ซึ่งจะเข้าใจ การต่อสู้ที่ดุเดือด ธนาคารกสิกรไทยก็อยู่ในโซนนี้ ซึ่งจะต้องปรับตัว ต่อสู้ให้ได้ตามมาตรฐานของโลกาภิวัตน์ หากใครทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้

สอง - ระบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามทฤษฎีของในหลวง ซึ่งเขาเชื่อว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจส่วนหนึ่งที่ต้องส่งเสริมให้เข้มแข็ง ซึ่งจะมีส่วนทำให้สังคมไทยดำรงอยู่อย่างอิสระและสมดุลกับโลกาภิวัตน์ได้ดีพอสมควร

สาม - กลุ่มคนที่อยู่ในภาวะช่วยตัวเองไม่ได้ ที่นอกเหนือจากระบบทั้งสองข้างต้น รัฐบาลจะต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อทำให้คนกลุ่มนี้ มีความพร้อมในการเข้าสู่ระบบที่สองต่อไป

เขาทำอะไรได้ไม่มาก นอกจากแสดงความเห็นที่ไม่ผูกพันกับพรรคการเมืองใดๆ เพราะเวลาที่เหลือเขาจะต้องต่อสู้ในระบบเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ต่อไป อย่างเข้มข้นมากขึ้นเป็นลำดับ

ภารกิจในการต่อสู้ของธนาคารไทยที่ต้องปรับตัวเข้ากับมาตรฐานโลกาภิวัตน์ เป็นสิ่งที่คนอย่างเขาไม่ยอมรามือง่ายๆ

ขณะที่เขาออกมาพูดเรื่องสังคมระดับกว้างมากขึ้นนั้น เขากับทีมงานในกสิกรไทยก็ทำงานอย่างขะมักเขม้นในการปรับโครงสร้างทางความคิด โครงการสร้างการทำงานและโดยเฉพาะการจัดการกับเทคโนโลยีธนาคาร ซึ่งคงปรากฏภาพให้เห็นไม่ช้านี้

บัณฑูร ล่ำซำ ชอบดื่มกาแฟหรือน้ำขิงในตอนบ่าย ด้วยถ้วยกาแฟที่มีข้อความ "QUIT NEVER NEVER" ซึ่งบ่งบอกถึงแรงบันดาลใจเข้มแข็งของเขา

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us