|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ เมษายน 2539
|
|
การล่มสลายของธนาคารแบริ่งส์ (BARINGS BANK) ของอังกฤษเมื่อปี 2538 ได้ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นที่สนใจไปทั่วโลก
ชายหนุ่มคนนั้นคือ นิก ลีสัน
นิก ลีสันชื่อที่ไม่มีใครรู้จักมากไปกว่าเด็กหนุ่มอายุเพียง 20 ปีเมื่อแรกเข้าทำงานในธนาคารแบริ่งในตำแหน่งเจ้าหน้าที่เคลียร์เอกสารที่ไม่มีผู้มาเคลม 2-3 ปีต่อมาเขาสามารถปีนป่ายจนได้รับเงินเดือนกว่า 6 แสนบาทวิ่งโลดนำเพื่อนฝูงที่มีอาชีพก่อสร้างช่างประปา ช่างไฟก่อนที่จะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการทั่วไปของธนาคารแบริ่งสาขาสิงคโปร์เมื่ออายุเพียง 26 ปี
และนั่นคือที่มาของหนังสือ ROGUE TRADER-NICK LEESON-HIS OWN AMAZING STORY ที่เขาอธิบายเรื่องราวที่เกิดในแง่มุมของเขา
เขายอมรับว่า เขาปลอมเอกสารเพื่อไม่ให้สำนักใหญ่รู้ว่าเขาได้ทำความหายนะให้แก่ธนาคารแบริ่ง เนื่องเพราะภาวะการขาดทุนจากการซื้อขายหุ้นในตลาดมากว่า 10 ปีเป็นเงินกว่า 5,000 ล้านบาท
หนังสือปกดำสันอักษรทอง ROGUE TRADER : NICK LEESON ห่อหุ้มด้วยปกอ่อนที่มีนายลีสันสวมชุดโบรกเกอร์ทางเหลือง-ดำยิ้มอย่างเป็นสุขในห้องค้าหุ้น และปกหลังขณะถูกควบคุมตัวทั้งเล่ม 273 หน้าบรรจุเรื่องราวเนื้อหาลึกๆเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องบันทึกถึงการพนันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งนี้สามารถทำลายชีวิตคน คนหนึ่งและสั่นคลอนหลักป้อมปราการของธนาคารที่ยิ่งใหญ่ปานนั้นลงได้
นักเขียนร่วมของนายนิก ลีสัน EDWARD WHITLEY เป็นนักเขียนผู้รับฟังเรื่องราวของนิกและถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือซึ่งนิกไม่ลืมว่า มีคำถาม 2 ข้อที่คาใจคนทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นและเป็นสิ่งจำเป็นที่นิกต้องตอบในหนังสือเล่มนี้
คำถามดังกล่าวก็คือหนึ่ง-ทำไมความเสียหายจึงรุนแรงมากมายขนาดนี้? สอง-ทำไมผู้เกี่ยวข้องและผู้รับผิดชอบที่เหนือไปกว่านิก ลีสันจึงไม่มีทราบเรื่องนี้มาก่อนหน้าเลย ?
หนังสือที่น่าเรียกว่าบันทึกจากปากคำของนายลีสันเล่มนี้แบ่งออกเป็น 11 ตอนด้วยกันว่ากันตั้งแต่ชีวิตครอบครัวที่มีแม่เป็นผู้ผลักดันให้ลีสันเรียนหนังสือจนได้ดิบได้ดี ที่สุดแม่ก็ถูกโรคมะเร็งคร่าชีวิตไปตอนเขาเป็นพนักงานธนาคารที่ประสบความสำเร็จและส่งเสียน้องๆที่ยังเรียนหนังสืออีก 2 คน
ในบทต่อๆมาก็เป็นประวัติธนาคารที่เคยยิ่งยงและการที่นายลีสันได้รับเลือกให้ไปเป็นผู้จัดการทั่วไปที่สิงคโปร์ระเรื่อยเหตุการณ์ก่อนและหลังพังทลายจนวันโดนจับที่เยอรมนีกับลิซ่าภรรยาสุดที่รักและลงเอยรับชดใช้กรรม 6 ปีครึ่งที่คุกทานา เมระห์ ณ จังหวัดจานกีประเทศสิงคโปร์ ขณะที่ภรรยาของเขาก็อยู่ทำงานต่อไปในอังกฤษ
ลีสันกล่าวไว้ในตอนท้ายเล่มว่า “ท้ายนี้ ผมอยากขอบคุณภรรยาที่เป็นพลังสำคัญให้แก่ผมขณะเกิดเรื่องร้ายแรง ความทะเยอทะยานทั้งหมดของผม ตอนนี้ไม่มีอะไรอีกแล้วเพียงรอเวลาพ้นโทษ แล้วกลับไปพบกับภรรยาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ไม่มีสามีคนไหนภูมิใจในภรรยาเท่าผมอีกแล้ว
|
|
|
|
|