Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2539
โรคร้ายรุมเร้า เมื่อสุขภาพฟันไม่ดี             
 





“ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ใครจะปฏิเสธข้อความนี้ยกมือขึ้น แม้ผมจะมองไม่เห็นว่าคุณผู้อ่านท่านใดกำลังยกมืออยู่หรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าไม่มีใครอยากป่วยไข้ไม่สบาย นอกจากอยากมีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง มีอายุยืนยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ยิ่งในปัจจุบันที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเจริญมากขึ้น ความพยายามที่จะคิดค้นยาและกรรมวิธีในการรักษาโรคต่างๆก็ประสบความสำเร็จมากขึ้น ในขณะเดียวกันโรคแปลกๆใหม่ๆที่ทวีความรุนแรงก็มีเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวราวกับจะท้าทายให้เกิดการแข่งขัน หากการรักษาโรคชนะอายุคนก็จะยืนยาวขึ้น หากเชื้อโรคชนะก็หมายถึงชีวิตจะหดสั้นลง

แม้จะไม่มีใครอยากเจ็บป่วยแต่ก็ไม่มีใครไม่เคยเจ็บป่วย สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากมองข้าม ความผิดปกติเล็กน้อยในร่างกายประเภทเป็นหวัด ฟันผุก็ละเลยเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย หารู้ไม่ว่าเป็นการเปิดทางให้โรคร้ายเข้ามาในร่างกายอย่างประมาทที่สุด

โรคในช่องปากแม้จะไม่ร้ายแรงเท่าโรคมะเร็งหรือโรคเอดส์แต่ก็สร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับผู้ป่วยได้ไม่น้อย ที่สำคัญคือมีการอักเสบลุกลามเป็นโรคร้ายแรงอื่นๆได้อย่างนึกไม่ถึงและเป็นที่น่าตกใจว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศ (80-90%) เป็นโรคฟันผุ โรคปริทันต์กันไปหมดกว่าจะรู้ตัวก็ต้องสูญเสียฟันถาวรกันไปหลายซี่หรือยิ่งกว่านั้นก็ลุกลามเป็นโรคอื่นๆดังที่กล่าวมาแล้ว

อาการที่แสดงถึงสัญญาณอันตรายของโรคในช่องปาก แรกเริ่มจากฟันสกปรกมีคราบจุลินทรีย์เกาะอยู่ที่ตัวฟัน ทำให้ปวดฟันจนเคี้ยวอาหารไม่ได้ มีเลือดออกบริเวณฟันและเหงือก ฟันผุเป็นรูดำ มีกลิ่นปาก ลมหายใจเหม็นเป็นที่รังเกียจของสังคมรอบข้างซึ่งหากใครมีอาการดังกล่าวนี้ควรรีบไปพบทันตแพทย์อย่าละเลยปล่อยทิ้งไว้หรือแก้ปัญหาด้วยการรับประทานยาแก้ปวดเพราะจะทำให้โรคลุกลามต่อไปเรื่อยๆจนกลายเป็นถุงน้ำอยู่ในกระดูกขากรรไกรหรือเป็นโรคปริทันต์ ซึ่งจะมีหินน้ำลายเกาะตัวกันแน่นบริเวณฟัน เหงือกจะอักเสบมีเลือดออก ต่อไปเหงือกจะร่นฟันโยกและหลุดไปในที่สุด ที่สำคัญคือตัวเชื้อจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนตัวฟันจะแผลงฤทธิ์แพร่เชื้อต่อไปยังส่วนต่างๆของร่างการทางเส้นเลือที่เซลล์ต่อกับประสาทฟัน ทำให้เยื่อบุผนังหัวใจอักเสบ ตับอักเสบ เยื่อบุสมองอักเสบเป็นฝีที่ปอด

นอกจากนี้ เชื้อโรคและน้ำหนองจากเหงือกอักเสบ สามารถลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียงทำให้เกิดการบวมบริเวณแก้ม ใต้ตา ใต้คางและลงไปอักเสบบริเวณใต้คอ ใต้ลิ้น ต่อมทอนซิลในกรณีที่เหงือกอักเสบบริเวณฟันกรามในขากรรไกรบนอาจเริ่มเป็นสาเหตุของโรคไซนัสอักเสบอีกด้วย

ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นผลกระทบโดยตรงที่เห็นได้ชัดเมื่อเป็นโรคภายในช่องปากยังมีโรคอื่นๆที่จะเกิดขึ้นทางอ้อมอีก ยกตัวอย่างง่ายๆเมื่อฟันผุ, ปวดฟันหรือฟันหลุด ฟันหลอเวลารับประทานอาหารก็บดเคี้ยวด้วยความยากลำบาก บางรายเคี้ยวไป ปวดฟันไปอาหารก็ย่อยในปากไม่ละเอียด เมื่อส่งลงไปย่อยต่อทั้งกระเพาะและลำไส้ก็ต้องทำงานหนัก ต้องปล่อยน้ำย่อยออกมามากซึ่งพอนานเข้าความสามารถในการย่อยบริเวณนี้จะลดลง น้ำย่อยไม่พอ ทำให้ท้องอืด ปวดท้องเป็นโรคกระเพาะลำไส้ ท้องผูกตามกันมาเป็นขบวน

นอกจากสุขภาพทางกายที่จะทรุดโทรม อ่อนแอ ด้วยโรคสารพัดชนิดเข้ารุมเร้าอย่างนึกไม่ถึงแล้ว สุขภาพจิตก็จะพลอยเสื่อมโทรมตามไปด้วย เพราะไหนจะต้องเสียบุคลิกภาพเนื่องจากปากมีกลิ่น ฟันหลอขาดความมั่นใจในตัวเอง วันๆไม่กล้าพูดคุย ไม่กล้ายิ้มกับใคร มิตรภาพเหือดหาย ส่งผลให้อารมณ์จิตใจหงุดหงิดเศร้าหมอง คุณผู้หญิงบางคนถึงกับถูกแฟนบอกเลิกด้วยเหตุผลเพียงเพราะแฟนมาทราบว่าเธอคนนั้นมีกลิ่นปากซึ่งดูแทบไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าจะสังเกตให้ดีจะพบว่าคู่รัก คู่แต่งงานหลายคู่ต้องเลิกกันด้วยเหตุผลเพียงเล็กน้อยอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้และที่สุดของที่สุดแห่งการสูญเสียคือต้องเสียเงินเสียทองในการรักษาทั้งรักษาโรคฟัน โรคเหงือกและรักษาโรคข้างเคียงอื่นๆบางรายต้องผ่าตัด บางรายต้องใส่ฟันปลอมใหม่หมดทั้งปาก ต้องทนเจ็บปวดทรมานกับอาการของโรค หากใครพอมีฐานะสามารถเข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาลดีๆที่มีอุปกรณ์การรักษาทันสมัยมีแพทย์ที่ชำนาญในการรักษาได้ก็พอทำเนา แต่บางท่านที่ยังต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ มีภาระมากมายก็ต้องลำบากดิ้นรนหาเงินมารักษา อีกทั้งยังเสียเวลาไปพบแพทย์ ซึ่งต้องพบทั้งทันตแพทย์ทั้งแพทย์แขนงอื่นๆตามโรคที่เป็นต้องหยุดงานเพื่อพักรักษาตัว ทำให้ขาดรายได้ประจำที่เคยได้รับไปอีก สรุปก็คือไม่มีอะไรดีเลยเมื่อเจ็บป่วย แล้วทำไมถึงปล่อยให้เจ็บป่วย

ไม่มีใครอยากเจ็บป่วย แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้จักดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยต่างๆโดยเฉพาะโรคภายในช่องปาก ซึ่งในความจริงแล้วโรคร้ายน่ากลัวต่างๆที่กล่าวถึงทั้งหมดไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆและในเวลาอันรวดเร็วหากแต่ใช้เวลาสะสมจนเชื้อโรคค่อยๆแพร่จำนวนเข้าไปทำลายส่วนต่างๆจากฟันไปที่เหงือก ที่คอ จมูก ฯลฯ ซึ่งหากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆ โรคต่างๆก็คงไม่ระบาดในร่างกายจนน่ากลัว แต่ทางที่ถูกแล้วควรรักษาสุขภาพฟันให้ดีเสียแต่แรกจะดีกว่า

การระวังรักษาสุขภาพฟันให้แข็งแรงไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแปรงฟันให้ถูกวิธีวันละสองครั้ง ไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนไม่รับประทานอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพฟันเช่นทอฟฟี่หรือขนมหวานจัดอื่นๆมากจนเกินไป หรือถ้าหากรับประทานไปแล้วก็ควรแปรงฟันตามหลัง ไม่ควรทานอาหารแข็งๆเหนียวๆพวกอ้อย กระจับ หนังหมู ไม่อวยอุตริคิดว่าฟันตนเองแข็งแรงถึงกับใช้ฟันเปิดขวดน้ำอัดลมหรือกัดของแข็งทุกชนิด เพราะถึงฟันท่านจะแข็งแรงจริงแต่การกระทำการทารุณฟัน ก็มีผลให้ฟันของท่านอ่อนแอได้ในวันหนึ่ง นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์พวกผัก ผลไม้ นมสด ซึ่งนอกจากจะช่วยบำรุงฟันให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยบำรุงร่างกายส่วนอื่นๆด้วย

คำแนะนำเหล่านี้หลายท่านทราบดีอยู่แล้ว และสามารถพบเห็นได้บ่อยๆตามบทความสุขภาพทั่วไป หากท่านให้ความใส่ใจนำไปปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สม่ำเสมอ โรคร้ายน่ากลัวต่างๆที่กล่าวมาก็จะไม่เกิดขึ้น เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาทครับเวลาที่เกิดอาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆประเภทปวดหัว ปวดฟัน เป็นไข้ อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะอาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของการเกิดโรคร้ายแรงได้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงของโรคเพื่อจะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ส่วนท่านที่พลาดท่าสูญเสียฟันแท้จนต้องใส่ฟันปลอมก็ยังไม่สายที่จะหันมาใส่ใจกับสุขภาพร่างกาย สุขภาพฟันถาวร (ที่เหลืออยู่) ฟันปลอมเพื่อถนอมให้อยู่กับท่านได้นานที่สุด (สำหรับท่านที่ใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้ควรหมั่นนำมาถอดล้างทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนกลางคืนถอดแช่ในน้ำผสมเม็ดฟู่ทำความสะอาดเก็บในภาขนะที่มีฝาปิดหรือถ้าใส่ชนิดติดแน่นหลังแปรงฟันแล้ว ควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาด) ความประมาทในครั้งหนึ่งควรเป็นบทเรียนให้จดจำเพื่อจะได้ไม่กลับมาพลาดอีกยิ่งเรื่องสุขภาพด้วยแล้วไม่มีโอกาสจะพลาดได้บ่อยๆกันไว้ดีกว่าแก้ครับ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us