|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
Group Genius
ผู้เขียน: Keith Sawyer
ผู้จัดพิมพ์: Basic Books
จำนวนหน้า: 257
ราคา: $26.95
buy this book
|
|
|
|
หลายคนคิดว่าการสร้างนวัตกรรมหรือการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ เป็นผลงานของอัจฉริยะเพียงคนเดียวเช่น Edison, Einstein หรือ Mozart ที่ปลุกปล้ำอยู่กับปัญหาหรือโครงการใดโครงการหนึ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้ค้นพบสิ่งใหม่ แต่ไม่มีใครตระหนักถึงกระบวนการก่อนหน้านั้น กว่าจะมาถึงจุดที่อัจฉริยะค้นพบสิ่งใหม่ และความจริงแล้ว สิ่งใหม่หรือนวัตกรรมที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างบุคคลผู้เป็นอัจฉริยะกับเพื่อนร่วมงานของเขา หรือจากการพูดคุยกับเพื่อนฝูงหรือแม้แต่กับครอบครัวของเขา ซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หลายวันหรือกระทั่งหลายปี การพูดคุยแลกเปลี่ยนของพวกเขาคือสิ่งที่จุดประกายความคิดใหม่ๆ จนกระทั่งในที่สุด ใครคนหนึ่งในกลุ่มก็มาถึงจุดที่ค้นพบสิ่งใหม่
กระบวนการแห่งความร่วมมือนี้เอง ที่ Keith Sawyer ผู้แต่งชี้ว่า เป็นกุญแจของการสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมในด้านศิลปะจนถึงด้านเทคโนโลยี
แม้ว่าความร่วมมือคือพลังจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกของธุรกิจ แต่ปัญหาคือ ยังมีหลายบริษัทที่ไม่เข้าใจถ่องแท้ว่าสิ่งใดที่จะทำให้การร่วมมือกันประสบความสำเร็จ และจะรวมพลังสร้างสรรค์ของแต่ละบุคคล เพื่อให้เกิดอัจฉริยะกลุ่มได้อย่างไร หรือทำอย่างไรการร่วมมือกันของคนหลายคนจึงจะสามารถสร้างบุคคลอัจฉริยะขึ้นมาได้
ความร่วมมือจุดประกายความคิด
ผู้แต่งชี้ว่า ความร่วมมือจุดประกายให้เกิดการทดลองความคิดใหม่ๆ ซึ่งทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้นในที่สุด ความร่วมมือยังทำให้คนนำความคิดใหม่ๆ เหล่านั้น มาปรับใช้ในวิธีใหม่และสร้างสรรค์ อย่างเช่น J.R.R. Tolkien และ C.S. Lewis 2 นักประพันธ์ชื่อก้องที่สามารถสร้างสรรค์นิยายแฟนตาซี 2 เรื่อง ที่นับว่าทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งยุค (The Lord of the Rings และ The Chronicles of Narnia) จากการที่พวกเขาก่อตั้งชมรม The Inklings ขึ้นที่มหาวิทยาลัย Oxford เพื่อรวมกลุ่มคนที่สนใจการเขียนนิยายแฟนตาซี
ความร่วมมือใช่เพียงแค่การระดมสมอง
องค์กรมักเข้าใจว่าความร่วมมือไม่ต่างกับการระดมสมอง แต่ผู้แต่งชี้ว่า นวัตกรรมที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความร่วมมือ ซึ่งหมายความถึงการทำให้ความร่วมมือเป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ใช่เพียงแค่การระดมสมองเป็นครั้งคราวเมื่อเริ่มโครงการใหม่เท่านั้น เพราะการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความร่วมมือ จะทำให้เกิดการค้นพบความคิดใหม่ๆ และมีการให้เวลาที่จะสำรวจตรวจสอบความคิดใหม่ๆ เหล่านั้น รวมทั้งสามารถยอมรับความล้มเหลว และให้โอกาสพนักงานลองนำความคิดที่อาจล้มเหลวในโครงการนี้ ไปปรับใช้กับโครงการอื่นๆ
ความสำเร็จในด้านนวัตกรรมในอนาคตขององค์กร นอกจากจะขึ้นอยู่กับการสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ภายในองค์กรแล้ว ยังขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างองค์กรกับบุคคลอื่นๆ อีกด้วย เช่นกับลูกค้า ผู้แต่งแนะนำว่า องค์กรควรทลายกำแพงเดิมๆ ที่ขวางกั้นการแลกเปลี่ยนความคิดอย่างเสรีกับลูกค้า เพื่อเข้าถึงพลังแห่งความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์
ผู้แต่งย้ำในท้ายที่สุดว่า นวัตกรรมที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของคนที่เป็นอัจฉริยะเพียงคนเดียว แท้จริงแล้วเป็นผลจากความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ และชี้ว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะเปิดใจรับการสร้างสรรค์ผ่านการร่วมมือกับผู้อื่น ซึ่งคือกุญแจที่จะนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
|
|
|
|