|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
Unstoppable
ผู้เขียน: Chris Zook
ผู้จัดพิมพ์: Harvard Business School Press
จำนวนหน้า: 190
ราคา: $29.95
buy this book
|
|
|
|
ไม่มีสูตรสำหรับรักษาความสามารถในการแข่งขันใดที่จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ มีบริษัทเพียง 1 ใน 10 แห่งเท่านั้น ที่สามารถเติบโตและสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนได้เป็นเวลาติดต่อกัน 10 ปี Chris Zook ผู้แต่งชี้ว่า ในยุคปัจจุบัน บริษัทถึง "จุดเปลี่ยน" เร็วขึ้นกว่าเดิม หมายถึงการที่บริษัทไปถึงจุดสูงสุดของการเติบโตตามธรรมชาติเร็วขึ้นกว่าเดิม อันเนื่องมาจาก
- การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วขึ้นของข้อมูลข่าวสารเงินทุน ผู้บริหาร และคู่แข่งที่เสนอราคาที่ถูกกว่า
- ความหนาแน่นของเงินทุนลดลงในอุตสาหกรรมใหม่
- การเกิดขึ้นของหุ้นนอกตลาด
- วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีในอัตราเร่ง
ผลก็คือ ทำให้วงจรธุรกิจแบบ "ค้นให้พบธุรกิจหลัก-ขยายตัว-ทบทวนธุรกิจหลัก" ครบวงจรเร็วขึ้น และทำให้บริษัทต้องทบทวนเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลักเร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อรักษาธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป
ทบทวนธุรกิจหลัก
ผู้แต่งเน้นว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ว่า เมื่อใดจึงถึงเวลาที่ควรทบทวนแก้ไขยุทธศาสตร์หลักของบริษัท บริษัทควรคิดเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลักเมื่อผลกำไรโดยรวมของอุตสาหกรรมเริ่มลดลงหรือเริ่มเปลี่ยนไป หรือเมื่อเกิดเทคโนโลยีใหม่ที่คุกคามธุรกิจหลักของบริษัทโดยตรง หรือเมื่อการเติบโตของบริษัทเกือบจะหยุดชะงัก หรือเมื่อบริษัทเริ่มสูญเสียความแตกต่างกับบริษัทอื่นไป
แต่ผู้แต่งเตือนว่า การทบทวนธุรกิจหลักต้องลงทุนทั้งเงินและเวลา และมักจะต้องมีการปรับโครงสร้าง หรือลดขนาดธุรกิจก่อน จึงจะสามารถกลับมาเติบโตต่อไป แต่ก็คุ้มค่าที่จะลงทุน ดังเช่นที่บริษัทอย่าง De Beers, Samsung, Royal Vopak, Avis, PerkinElmer, Harmann International สามารถก้าวผ่านจุดที่ธุรกิจซวดเซไปสู่จุดที่บริษัทกลับมาเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้แต่งชี้ว่า หลังจากเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลัก บริษัทที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมจะสามารถคว้ากำไรส่วนใหญ่ของอุตสาหกรรมมาครองได้ และได้รับสิ่งที่ดีเลิศจากตลาดทุน รวมทั้งประสบความสำเร็จมากกว่าในการเคลื่อนเข้าสู่กิจกรรมอื่นๆ
ขุดทอง
อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งเตือนถึงการทบทวนธุรกิจหลักอย่างผิดๆ ซึ่งมี 3 อย่างคือ การพยายามปกป้องสภาพที่เป็นอยู่ให้คงเดิม อันเท่ากับหวังว่าคนอื่นที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นฝ่ายผิด ซึ่งใช้ไม่ได้ในกรณีที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง หรือภาวนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และสุดท้ายคือ สร้างความหลากหลายทางธุรกิจด้วยการเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างผลีผลาม ผู้แต่งชี้ว่า วิธีที่ดีกว่าคือ ควรใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่แล้วภายในหรือใกล้เคียงกับธุรกิจหลักของบริษัท โดยนำมาใช้ในวิธีใหม่ ซึ่งจะมีอัตราความสำเร็จสูงกว่า 4 ถึง 6 เท่า เพียงแต่คุณต้องค้นให้พบสินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ภายในบริษัท
สิ่งใดบ้างที่อาจเป็นสินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ สิ่งที่ลูกค้ามักถามถึงเสมอ สิ่งที่เติบโตและสร้างผลกำไร ทั้งๆ ที่คุณไม่ค่อยให้ความเอาใส่ใจ สิ่งที่สร้างผลกำไรอยู่ในระดับกลางๆ ของผลกำไรรวมของบริษัทคุณ สิ่งที่เป็นผู้นำในตลาดแม้จะเป็นตลาดเล็กๆ สิ่งที่มีศักยภาพที่จะเป็นเลิศในระดับโลก หรือสิ่งที่สัมพันธ์กับธุรกิจหลักของคุณแต่มีส่วนที่แตกต่างออกไป
สินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่แบ่งได้ 3 ประเภท (1) อะไรก็ตามที่ยังถูกมองข้ามคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นทำเลใหม่ ช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ๆ กลุ่มลูกค้าที่ยังถูกมองข้าม ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณยังไม่ได้ให้ความสำคัญ (2) สินทรัพย์ที่เกี่ยวกับลูกค้าที่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นฐานข้อมูล พลังของแบรนด์ ข้อมูลเกี่ยวสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ หรือตลาดเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่มีใครรู้จัก (3) ศักยภาพที่ยังนำมาใช้ไม่เต็มที่ ซึ่งอาจจะนำมาใช้ให้เต็มที่ด้วยวิธีการใหม่
ผลการสำรวจบริษัท 105 แห่งที่ทบทวนปรับแก้ธุรกิจหลักโดยใช้สินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่พบว่า 7% พบว่าสินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่คือสายการผลิตที่ยังไม่ถูกใช้อย่างเต็มที่ 34% พบว่าสินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่คือสินทรัพย์ที่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์เลย และ 26% พบว่าสินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่คือศักยภาพหรือสิ่งสนับสนุนที่มีอยู่แล้วภายในบริษัท
|
|
|
|