|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
The Versatile Leader
ผู้เขียน: Bob Kaplan , Rob Kaiser
ผู้จัดพิมพ์: Pfeiffer
จำนวนหน้า: 272
ราคา: $40
buy this book
|
|
|
|
ผู้นำในแบบต่างๆ
คุณสามารถมองเห็นภาพรวมและผลักดันการริเริ่มใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดายในองค์กรของคุณหรือไม่ หรือว่าคุณชอบเน้นเรื่องงานประจำวันและเป้าหมายระยะสั้น หรือคุณมักจะมีความคิดใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหา และสามารถทำให้พนักงานของคุณเข้าใจความคิดใหม่ๆ ของคุณได้ หรือว่าคุณรู้สึกว่า พนักงานของคุณควรเป็นคนคิดวิธีแก้ปัญหา และลงมือแก้ปัญหาอย่างอิสระตามวิธีของเขาเอง
ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด สำหรับคำถามทั้งหมดข้างต้น แต่คำตอบของคุณจะบ่งชี้ถึงจุดแข็งของคุณในฐานะผู้นำ รวม ทั้งจุดที่คุณยังบกพร่องอยู่ด้วย ก็เหมือนกับการที่คนเราถนัดซ้ายหรือขวา เราก็มักจะใช้มือข้างที่ถนัดนั้นหรือจุดแข็งของเรามากกว่า ซึ่งทำให้เราต่างมีสไตล์การเป็นผู้นำที่ต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจชี้ว่า การนำจุดแข็งของเรามาใช้มากเกินไป จะกลายเป็นการพยายามกลบจุดบกพร่องของเรา ยกตัวอย่างผู้นำคนหนึ่งที่มีความรับผิดชอบสูงมาก ซึ่งให้ความสำคัญกับการทำงานให้สำเร็จลุล่วงอย่างมาก ทำให้เธอมักจะลงมือทำงานด้วยตนเองมากเกินไป และเข้าไปจู้จี้กับพนักงานมากเกินไป โดยไม่ยอมให้พวกเขามีอิสระในการทำงานด้วยตนเอง
ความรับผิดชอบสูงเป็นจุดแข็งของผู้นำคนนี้ และเป็น ไปได้อย่างยิ่งด้วยว่า ด้วยจุดแข็งนี้เอง ที่เคยทำให้เธอได้เป็นผู้นำ แต่จุดแข็งของเธอกลับกระทบกับความมีอิสระในการทำงานของพนักงาน แม้ว่าการมีความรับผิดชอบสูงจะเป็นคุณสมบัติของผู้นำที่ดี แต่ผู้นำคนนี้จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิผล มากขึ้น หากสามารถสร้างสมดุลระหว่างความเป็นผู้นำแบบบังคับควบคุมกับความเป็นผู้นำแบบให้อิสระกับพนักงาน ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ
ผู้นำแบบควบคุมกับผู้นำแบบให้อิสระ
ผู้นำที่ดีจะรู้ว่า เมื่อใดควรดึงบังเหียนเพื่อควบคุมพนักงาน และเมื่อใดควรผ่อนเพื่อให้อิสระในการทำงานแก่พนักงาน
การมีคุณสมบัติของผู้นำแบบให้อิสระกับพนักงาน จะทำให้คุณสามารถเพิ่มความสามารถ มอบหมายงาน และทำให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้ ผู้นำที่มีคุณสมบัตินี้มีความสามารถในการรับฟัง และทำให้พนักงานเติบโตและมีส่วนร่วมในองค์กร
ในขณะที่ผู้นำแบบควบคุมจะต้องมีความเด็ดขาดพอที่จะ เรียกร้องสูงและคาดหวังสูงจากพนักงาน ผู้นำประเภทนี้จะได้รับความเคารพจากคนอื่น แต่ผู้นำที่ดีควรจะต้องสร้างสมดุล ระหว่างคุณสมบัติผู้นำทั้งสองประการข้างต้น ซึ่งดูเหมือน จะเป็นคุณสมบัติที่ตรงข้ามและขัดแย้งกัน เปรียบได้กับการที่คุณบอกคนอื่นว่าคุณไว้ใจเขา แต่ในขณะเดียวกันคุณก็กลับถือมีดอยู่ในมือด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดแย้ง แต่ทว่าผู้นำที่มีประสิทธิผล ก็จำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติทั้งสองประการที่ขัดแย้งกันดังกล่าวอยู่ในตัว เพราะการมีคุณสมบัติใดเพียงประการเดียวจะใช้ไม่ได้ผลในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
ผู้นำแบบวางแผนกับผู้นำแบบทำงานประจำวัน
เป็นคุณสมบัติของผู้นำที่สำคัญอีก 2 ประการ ที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันอีกเช่นกัน ผู้แต่งชี้ว่า ผู้นำแบบวาง แผนจะชอบวางแผนระยะกลางถึงระยะยาว แต่ตรงข้าม ผู้นำแบบทำงานประจำวันจะเน้นการทำงานสำเร็จวันต่อ วัน ซึ่งต้องเน้นเรื่องรายละเอียดและการควบคุมพนักงานให้ทำงานให้เสร็จในแต่ละวัน เช่นเดียวกัน ผู้นำที่มีประสิทธิผลจะต้องสร้างสมดุลระหว่างคุณสมบัติผู้นำทั้งสองประการนี้ มากกว่าจะเน้นหนักไปในด้านใดด้านหนึ่ง โดยควรจะสามารถสื่อสารและกำหนดเป้าหมายระยะยาว ในขณะเดียวกันก็ควรจะติดตามตรวจสอบความก้าวหน้าของงาน และสามารถจัดการกับการออกนอกลู่นอกทางไปจากแผนได้ด้วย
ดัชนีวัดการใช้คุณสมบัติผู้นำ
จะรู้ได้อย่างไรว่า เราใช้คุณสมบัติผู้นำประการใดประการหนึ่งมากเกินไป ดัชนีชี้วัดที่ใช้กันอยู่ แม้จะสามารถวัดประสิทธิภาพของผู้นำได้ เช่น "หนักแน่น" หรือ "สนับสนุนลูกน้อง" แต่ไม่สามารถวัดความ "มากเกินไป" ได้ กล่าวคือ ไม่สามารถวัดได้ว่า ผู้นำ "หนักแน่น" มากเกินไปจนกลายเป็นไม่ยืดหยุ่นหรือไม่ หรือ "ช่วยเหลือลูกน้อง" มากเกินไปหรือไม่ Kaplan และ Rob Kaiser ผู้แต่งทั้งสองจึงได้ร่วมกันพัฒนาดัชนีชี้วัดความสามารถรอบด้านของผู้นำที่เรียกว่า Leadership Versatility Index (LVI) มาตั้งแต่ปี 1994 ซึ่งสามารถจะใช้วัดว่า ผู้นำใช้คุณสมบัติด้านใดด้านหนึ่งมากเกินพอดีไปหรือไม่
|
|
|
|