| |
new releases
Manager 360 aStore
|
|
| |
|
 |
The Disposable American
ผู้เขียน: Louis Uchitells
ผู้จัดพิมพ์: Knopf
จำนวนหน้า: 304
ราคา: $25.95
buy this book
|
|
|
 |
ผลเสียการปลดพนักงานที่คุณคิดไม่ถึง
คนอเมริกันมีความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดการปลดพนักงาน ด้านหนึ่ง คนอเมริกันตำหนิผลกระทบของการปลดพนักงานที่เกิดขึ้นกับชุมชนและครอบครัว แต่อีกด้านหนึ่ง ก็กลับยกย่องการปลดพนักงานที่สร้างผลดีต่อผลกำไรของธุรกิจ และให้รางวัลผู้บริหารที่ตัดสินใจปลดพนักงานด้วยเงินเดือนที่สูงลิ่ว รวมทั้งผลตอบแทนอื่นๆ
Louis Uchitells ผู้แต่ง ซึ่งเป็นนักเขียนบทความ ธุรกิจให้แก่ The New York Times ชี้ว่า ผลกระทบของการปลดพนักงานนั้น มีมากกว่าและส่งผลกระทบยาว นานกว่าที่เราคิด ในขณะที่ผลดีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงระยะสั้นและประโคมโอ่เกินจริง รวมทั้งไม่คุ้มกันเลย
หนังสือเล่มนี้ยังให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในสหรัฐฯ และวิเคราะห์บทบาทของรัฐบาลในฐานะผู้วางกฎเกณฑ์ของความสัมพันธ์ดังกล่าว
ผู้แต่งได้ยกตัวอย่างเรื่องราวของบริษัทที่ชื่อว่า Stanley Works ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ เริ่มปลดพนักงานเพื่อรักษาระดับราคาของสินค้าตน ให้แข่งขันได้ และในที่สุดบริษัทจำเป็นจะต้องย้ายฐานการผลิตทั้งหมดออกไปอยู่นอกสหรัฐฯ จนถึงปี 2002 Stanley ปลดพนักงานจากที่มีอยู่ 7,000 คน เหลือเพียง 900 คน ผู้แต่งได้สัมภาษณ์ทั้งฝ่ายผู้บริหารที่ตัดสินใจลดขนาดบริษัท และปลดพนักงาน และลูกจ้างบางคนที่ทำงานให้กับบริษัทแห่งนี้มาเกือบตลอดชีวิต แต่กำลังจะต้องสูญเสียเงินสำรอง เลี้ยงชีพที่พวกเขาหวังจะได้รับในช่วงบั้นปลายชีวิต
ความมั่นคงในงาน
ประวัติศาสตร์ของสิ่งที่เรียกว่า ความมั่นคงในงาน ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นยุคของการถือกำเนิดขึ้นของบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีความต้องการแรงงานที่มีทักษะความชำนาญเฉพาะด้านเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้ เริ่มตระหนักถึงค่าใช้จ่ายที่แพงและเวลาที่ต้องเสียไปกับการฝึกคน จึงได้เริ่มนโยบายการรักษาพนักงานที่มีความชำนาญไว้กับบริษัท ซึ่งเรียกว่าความมั่นคงในงาน
แต่ในช่วงทศวรรษ 1970 เมื่อเศรษฐกิจถดถอย และ อัตราว่างงานสูงมาก การปลดพนักงานได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนอเมริกัน การผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในธุรกิจสายการบิน สาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมอื่นๆ ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมการปลดพนักงาน
สหภาพแรงงานในสหรัฐฯ ขณะนั้นได้สูญเสียอิทธิพล ไป หลังจากประธานาธิบดี Reagan อนุญาตให้ปลดพนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศ 11,400 คน ที่ก่อ การประท้วงด้านแรงงาน ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนให้บริษัทเอกชนสามารถจ้างแรงงานชุดใหม่ มาแทนพนักงานที่ถูกปลดได้
ความเจ็บปวดของพนักงานที่ถูกลอยแพ
ผู้แต่งชี้ถึงผลกระทบของการลอยแพพนักงาน ที่เกิดกับคนอเมริกันโดยทั่วไป จากการที่ผู้แต่งได้สัมภาษณ์คนอเมริกันจำนวนมาก ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกปลดออกจากงาน อย่างเช่น Erin Breen 2 ปีผ่านไปหลังจากถูกปลดออกจากงาน Breen ยังคงไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตัวเองในด้านการ ทำงานกลับคืนมาได้ และสุดท้ายต้องยอมทำงานเล็กๆ ที่มีรายได้เพียงเศษเสี้ยวของรายได้ที่เคยได้รับ ผู้แต่งยังได้สัมภาษณ์จิตแพทย์ ซึ่งยืนยันว่า ผลกระทบที่เกิดกับ Breen นั้น พบได้ทั่วไปในคนอเมริกันที่ถูกปลดออกจากงาน
นักจิตวิเคราะห์ยังชี้ว่า ผลกระทบของการลอยแพพนักงานส่งผลไปมากกว่าตัวพนักงานที่ถูกปลด แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงครอบครัวทั้งครอบครัว ของพวกเขาด้วย
ผู้แต่งพยายามชี้ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในด้านของคนนี้ ไม่คุ้มกันเลยกับการใช้นโยบายนี้แก้ปัญหาธุรกิจ โดยอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญและผลการศึกษา ต่างๆ ที่ชี้ว่า บริษัทที่มีประสิทธิภาพการผลิตดีที่สุด กลับเป็นบริษัทที่ปลดคนงานน้อยที่สุด แต่บริษัทส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะใช้วิธีปลดพนักงานบ่อยครั้งเกินไป โดยเห็นว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็ว โดยขาด การวิเคราะห์ถึงค่าใช้จ่ายที่แท้จริง ที่บริษัทต้องจ่ายไปจากการปลดพนักงาน อย่างเช่น การถูกฟ้องร้องด้านแรงงานโดยพนักงานที่ถูกลอยแพ หรือการที่อัตราการผลิตลดต่ำลง และการที่พนักงานที่เหลืออยู่ มีอัตราการลางานสูงขึ้น
ทางแก้ทางหนึ่งที่ผู้แต่งเสนอเพื่อหลีกเลี่ยงการปลดพนักงานคือ รัฐบาลและสาธารณชนต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่า การปลดพนักงานเป็นวิธีแก้ปัญหาของธุรกิจ และเริ่มต้นถกกันถึงทางเลือกอื่นๆ เพื่อหวนกลับคืนไปสู่การมีความมั่นคงในงานเหมือนเดิม
|
 |
|
|
