Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 



new releases
Manager 360 aStore






 
Knockoff
ผู้เขียน: Tim Phillips
ผู้จัดพิมพ์: Kogan Page
จำนวนหน้า: 246
ราคา: $29.95
buy this book

ยุคทองของสินค้าลอกเลียนแบบ

Tim Phillips ผู้สื่อข่าวธุรกิจผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จะอธิบายให้คุณรู้ว่า การซื้อสินค้าลอกเลียนแบบ อันเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งดูเผินๆ เหมือนกับไม่ได้ทำร้ายใครนั้น แท้ที่จริงแล้ว มีอาชญากรรมอันน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่เบื้องหลังมากมาย และมีหลายชีวิตที่ต้องถูกสังเวย

ข้อมูลจาก World Customs Organization ระบุว่า การค้าสินค้าปลอมซึ่งละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั่วโลกในปัจจุบัน มีมูลค่าถึง 5 แสน 1 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 7 ของการค้าโลก ซึ่งนับเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จากที่เคยมีมูลค่าเพียง 5.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 1984

ผู้แต่งชี้ว่า แม้การค้าสินค้าลอกเลียนแบบจะมีมานานหลายพันปีแล้วก็ตาม แต่ไม่เคยมีช่วงเวลาใดเลยที่สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและธุรกิจโลกจะเอื้อให้การค้าผิดกฎหมายนี้ เจริญรุ่งเรืองเท่ากับยุคนี้อีกแล้ว การผลิตสินค้าที่เพิ่มพูนขึ้นในโลกยุคนี้ บวกกับการแพร่หลายของอินเทอร์เน็ต และการลดอุปสรรคทางการค้าทั่วโลก ได้เอื้อให้การค้าสินค้าเลียนแบบเติบโตอย่างรั้งไม่หยุดมาตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา

นอกจากนี้ องค์กรอาชญากรรมยังเร่งขายสินค้าปลอมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกฎเกณฑ์ด้านการธนาคารที่เข้มงวดขึ้น บีบให้องค์กรผิดกฎหมายต้องหันเหไปค้าของปลอมแทน ซึ่งทำกำไรให้แก่พวกเขาอย่างมหาศาล

ผู้สมรู้ร่วมคิด

แม้ว่าการซื้อนาฬิกา Rolex ปลอมสักเรือน หรือกระเป๋าถือแบรนด์เนมปลอมสักใบ อาจดูเหมือนไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ข้อมูลจาก International Labor Organization ระบุว่า ในจำนวนแรงงานเด็กที่มีอยู่ทั่วโลก 246 ล้านคนนั้น ส่วนใหญ่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าปลอม ซึ่งเป็นธุรกิจที่หลุดรอดพ้นไปจากการตรวจสอบควบคุมและกฎเกณฑ์ทั้งปวงของทางการ ในด้านของผู้ซื้อและผู้บริโภคเอง ก็อาจได้รับอันตรายโดยตรงที่อาจร้ายแรงถึงชีวิตได้ ถ้าหากสินค้าปลอมนั้น เป็นยาปลอม ผ้าเบรกปลอม หรือชิ้นส่วนเครื่องบินปลอม อย่างเช่นที่เคยเกิดกรณีชาวเอสโทเนีย 60 คนเสียชีวิต เพราะดื่มเหล้าที่ปลอมปนเมทิลแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นสารพิษเข้าไป

ผู้แต่งจึงชี้ว่า ใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าปลอม ไม่เว้นแม้แต่ผู้ซื้อ ล้วนแต่เป็น "ผู้สมรู้ร่วมคิด" ในเครือข่ายอาชญากรรม ที่สร้างงานทุจริตและแย่งงานสุจริตไปจากคนหลายหมื่นหลายพันคน หน่วงเหนี่ยวการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องสังเวยชีวิตหรือต้องกลายเป็นคนพิการ ส่งเสริมคอร์รัปชันและการติดสินบน เป็นแหล่งเงินทุนให้แก่อาชญากรรมและความรุนแรงต่างๆ และ "วันหนึ่ง มันอาจจะหวนกลับมาเอาชีวิตของคุณ"

ขโมยความคิด

ผู้แต่งอธิบายความแตกต่างระหว่างทรัพย์สินทางปัญญากับลิขสิทธิ์ว่า ทรัพย์สินทางปัญญาจะได้รับการคุ้มครองจากสิทธิบัตร ซึ่งจะคุ้มครอง "ความคิด" ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ ส่วนลิขสิทธิ์เป็น การคุ้มครอง "งานสร้างสรรค์" ต่างๆ จากการถูกลอก โดยมีแนวคิดว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของความคิดใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ หรือผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีกว่าเดิม หรือออกแบบสิ่งที่มีอยู่แล้วให้สวยงามหรือใช้งานได้ดีขึ้น ควรจะได้รับประโยชน์จากความคิดของพวกเขา

ผู้แต่งพยายามชี้ว่า ผู้ที่ลอกเลียนแบบความคิดของคนอื่น ไม่ต่างอะไรกับขโมย ส่วนผู้ที่สนับสนุนด้วยการซื้อสินค้าปลอม ซึ่งพวกเขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรนั้น ก็ควรตระหนักว่า มีคนจำนวนมากรวมถึงเด็กต้องทนทุกข์ทรมานและอาจถึงขั้นสังเวยชีวิต เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่เข้าสู่ธุรกิจค้าของปลอม โดยขาดความตระหนักถึงความร้ายแรงและน่าสะพรึงกลัวที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจนี้

นอกจากนี้ผู้แต่งได้เปิดโปงให้เห็นเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าปลอมซึ่งกว้างใหญ่ไพศาล ตั้งแต่ที่เป็นสถานที่ที่รู้จักกันดีอย่าง Counterfeit Alley ใน Manhattan จนถึง Silk Alley ในกรุงปักกิ่ง และ Sunday market ทั้งหลายในไอร์แลนด์เหนือ ไปจนถึงแหล่งซื้อขายแบบหลบๆ ซ่อนๆ อย่างคลังสินค้าลับๆ หรือท้ายรถ



upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide



 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us