|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
Powerful Times
ผู้เขียน: Eamonn Kelly
ผู้จัดพิมพ์: Wharton School Publishing
จำนวนหน้า: 342
ราคา: $26.99
buy this book
|
|
|
|
โลกนี้คือความไม่แน่นอน
ผู้แต่งคือ Eamonn Kelly ซึ่งเป็นนักวางกลยุทธ์ธุรกิจพยายามจะทำให้เรามองเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างลึกซึ้งในทุกวันนี้ จะนำเราไปสู่อนาคตแบบใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการก่อการร้าย การแพร่หลายของนิวเคลียร์ และการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆ Kelly ชี้ถึงสิ่งที่เขาเรียกว่า dynamic tensions ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ และพยายามให้ภาพอนาคตที่จะช่วยให้ผู้อ่านมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน จะได้เตรียมตัวรับมือกับปัญหาและโอกาสที่กำลังรอพวกเขาอยู่ข้างหน้าได้
ผู้แต่งเขียนหนังสือเล่มนี้สำหรับคนที่ต้องการจะทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้ให้ดีขึ้นโดยสมมติฐานของเขาที่แสดงไว้ในหนังสือเล่มนี้มีพื้นฐานอยู่บนความเชื่อ 5 ประการดังนี้
- โลกนี้ไม่เคยมีความแน่นอน ยิ่งเทคโนโลยี และระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ตลอดจน การเมือง ทวีความซับซ้อนมากขึ้น เกี่ยวข้องกันทั่วโลกมากขึ้น และพึ่งพากันมากขึ้นเท่าใด ความไม่แน่นอนก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- ความไม่แน่นอนส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ แต่กลับไม่เคยเห็นความสำคัญตลอดช่วง 5 ศตวรรษที่ผ่านมา
- การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในทุกวันนี้ ไม่เพียงซับซ้อนและเป็นการเปลี่ยนระบบ แต่ยังมีความขัดแย้งกันเองจนยากที่จะเข้าใจและตีความ
- เรากำลังมาถึงจุดเปลี่ยน เรากำลังเผชิญกับทั้งปัญหาและโอกาสที่มาพร้อมกับอารยธรรมในระดับโลกาภิวัตน์ ซึ่งกำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้
- ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดเพียงองค์กรเดียวที่จะสามารถควบคุมอนาคตได้โดยลำพัง ทั้งคนและองค์กรต่างๆ จะต้องเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของโลกให้ดีขึ้นและเร็วขึ้น จนสามารถมองเห็นได้ว่า สิ่งใดกำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
Dynamic Tensions
ผู้แต่งอธิบายว่า dynamic tensions คือพลังหรือความจริง 7 คู่ ที่มักจะปะทะขัดแย้งแข่งขันและท้าทายกันเองอย่างสับสน แต่ต้องอยู่คู่กัน และกำลังสำแดงพลังอยู่ในโลกทุกวันนี้ โดยที่ความสำคัญของมันจะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นในช่วง 10 ปีข้างหน้า dynamic tensions ทั้ง 7 คู่มีดังนี้
1. ความชัดเจนโปร่งใสกับความสับสนหวาดกลัว ในขณะที่ โลกมีความโปร่งใสมากขึ้น แต่ความกลัวกับความสับสนกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เนื่องจากข้อมูลที่มากจนล้นเกินที่เราสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
2. ทางโลกกับทางธรรม ด้านหนึ่งคือแนวคิดแบบตะวันตกที่ยึดถือเหตุผล วิทยาศาสตร์และตรรกะเป็นธงนำ แต่อีกด้านหนึ่งคือ พลังของศาสนาและศรัทธาก็กำลังงอกงามในรูปของขบวนการเคร่งศาสนาในทวีปต่างๆ ของโลก
3. อำนาจกับการถูกคุกคาม แม้การสะสมและการใช้อำนาจจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ ในขณะที่ระเบียบโลกใหม่กำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แต่ผู้แต่งชี้ว่า องค์กรอาชญากรรม ความเปราะบางของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสาร และการแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วของโรคชนิดใหม่ๆ ยังคงสามารถคุกคามไปทั่วโลก
4. เทคโนโลยีใหม่กับแรงต่อต้าน แม้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ จะยังคงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และสร้างโอกาสและแหล่งของคุณค่าใหม่ๆ แต่ผู้แต่งชี้ว่า การเร่งรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังถูกต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ จากผู้ที่กวาดกลัวถึงผลสุดท้ายของเทคโนโลยี
5. เศรษฐกิจที่จับต้องไม่ได้กับเศรษฐกิจที่จับต้องได้ เศรษฐกิจที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งหมายถึงการที่ความสัมพันธ์ระหว่างคุณค่ากับน้ำหนักเสื่อมสลาย จะเติบโตขึ้น โดยการบริการการสร้างประสบการณ์แก่ลูกค้า และความสัมพันธ์กับลูกค้าจะมีคุณค่ามากขึ้น ในขณะที่ที่โครงสร้างทางกายภาพของธุรกิจจะได้รับแรงกดดันอย่างรุนแรงในหลายส่วนของโลก
6. ความมั่งคั่งกับความตกต่ำ การแพร่หลายของเศรษฐกิจระบบตลาดจะสร้างความมั่งคั่งและโอกาสใหม่ๆ ให้แก่คนนับล้านๆ แต่ขณะเดียวกันกลับนำไปสู่ความตกต่ำอย่างสุดขีดในพื้นที่บางส่วนของโลก ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง คอร์รัปชัน โรคภัย และหายนะภัยมาแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้ คนจำนวนมากจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจน เนื่องจากเกิดการเปรียบเทียบกับคนในประเทศอื่นๆ อันเนื่องมาจากการติดต่อสื่อสารที่ไร้ขีดจำกัดในยุคโลกไร้พรมแดน
7. คนกับโลก ผู้แต่งพยากรณ์ว่า ในช่วงทศวรรษข้างหน้านี้ เราจะเริ่มเห็นการเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ระหว่างเศรษฐกิจของมนุษย์กับระบบนิเวศวิทยาของโลกอย่างชัดเจนขึ้น และมนุษย์จะเริ่มตระหนักว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเราอาจถูกจำกัดจากความจำกัดของโลก ทำให้ประเด็นเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะได้รับความสนใจอย่างจริงจังมากขึ้น
|
|
|
|