|

new releases
Manager 360 aStore
|
|
|

 |
 |
The Beauty Myth
ผู้เขียน: Naomi Wolf
ผู้จัดพิมพ์: Harper Perrenial
จำนวนหน้า: 348
ราคา: ฿628
buy this book
|
 |
|
 |
นี่คือหนังสือที่ชี้ให้เห็นถึงก้นลึกว่า เหตุใดหญิงเกือบทั้งโลกจึงตกเป็นทาสของมายาคติทางการตลาด ความเชื่อ และค่านิยมที่หลงผิดเกี่ยวกับความงาม "สากล" ที่มีคนกำหนดเอาไว้ ผ่านสื่อสารพัดทาง
สาระของหนังสือนี้สามารถมองได้จากหลายมุมมองทั้งในแง่เสียดสีความหลงผิด ในแง่การกระตุ้นจิตสำนึกใหม่เพื่อทบทวนคุณค่าของความงามแห่งสตรีเพศ และการกำหนดความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างเพศแห่งยุคสมัย เพื่อปลดปล่อยจิตสำนึกอย่างแท้จริง
ผู้เขียนเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ต่อสู้เกี่ยวกับสิทธิสตรีเท่าเทียมชายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองเห็นว่า อิสระที่แท้จริงของหญิงนั้น ยังไม่เกิดขึ้นได้ตราบเท่าที่ยังตกเป็นเหยื่อความเชื่อในเรื่องความงาม "ไร้ที่ติ" ที่ถูกครอบเอาไว้อย่างงมงายมานานหลายศตวรรษแล้ว
ข้อสรุปของเธอที่ว่า ความไม่มั่นคงทางจิตต่อรูปลักษณ์ของตนเอง และพยายามปรับปรุงเรือนร่างให้ "ไร้ที่ติ" นั้นนับวันจะแพร่ลุกลามกลายเป็นโรคระบาดร้ายแรงในสังคมมากขึ้น ชักนำให้หญิงตกเป็นเหยื่ออย่างไร้แรงต้าน ตกอยู่ในวัฏจักรชั่วร้ายของมาตรฐานความงามที่เป็นไปไม่ได้ (ผอมบาง กระฉับกระเฉง และสาวพันปี) ซึ่งถูกกำหนดโดยปัจจัยต่างๆ นับแต่ศาสนา สื่อ โฆษณา ภาพเปลือย และอื่นๆ ซึ่งกลายเป็นอาวุธร้ายที่ทำให้หญิงเจ็บปวดกับความไม่สมบูรณ์ของเรือนร่างตัวเองเสมอมา
การนำเสนอ 6 มิติแห่งมายาคติของความงามที่รัดรึงให้หญิงกลายเป็นทาสแห่งความงาม "สากล" ที่เธอนำเสนอ (การทำงาน วัฒนธรรม ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ การอดอาหาร และการทำร้ายตัวเองจากศัลยกรรมพลาสติก) ถือได้ว่า ค่อนข้างครอบคลุมปริมณฑลของการศึกษาได้อย่างดีทีเดียว
ทั้งหมดที่ปรากฏเป็นสาระของหนังสือนี้ คืออาการป่วยเจ็บทางสังคมผ่านความงามของหญิง ซึ่งช่วยเตือนสติให้ยั้งคิดได้ไม่น้อย โดยเฉพาะข้อมูลที่แสดงชัดเจนว่า หญิงสาวจำนวนไม่น้อยในโลกนี้ กำลังทำลายตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อแลกเปลี่ยนกับความรู้สึกดีเพื่อให้ตัวเองสวยงาม ทั้งที่มีทางเลือกให้กระทำได้มากกว่าหนึ่ง
แม้ตัวอย่างที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นที่อเมริกา แต่เมื่อพิจารณาโดยเปรียบเทียบแล้วจะเห็นได้ชัดเลยว่าสาระของหนังสือเล่มนี้ ใช้ได้กับทุกหนแห่งในโลกทุนนิยมทุกวันนี้ ไม่ว่าเราจะเชื่อข้อสรุปของผู้เขียนที่ฟันธงหรือไม่ว่า ทั้งหมดนี้คือการเมืองเพื่อกดหญิงลงเป็นเหยื่อถาวร โดยที่เหยื่อสมยอมเสียด้วย
ข้อคิดที่น่าสนใจเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบก็คือว่า เป็นการสมควรหรือไม่สำหรับความเชื่อ "ความงามสากล" หากมองจากข้อเท็จจริงทางธรรมชาติที่ว่าคนเราแต่ละคนนั้นล้วนมีสำนึกในเรื่องสุนทรียะที่แตกต่างกัน และความพึงพอใจเชิงกามตัณหาของมนุษย์นั้นก็ไม่เท่าเทียมกัน
แน่นอนว่า อาจจะมีข้อโต้แย้งว่า หากเลือกได้ หญิงทั้งหลายก็คงไม่ใส่ใจมากนักกับการกระทำที่ "คลั่งไคล้" ต่อความงามของตนจนเกินเหตุอย่างที่กล่าวในหนังสือ แต่เนื่องจากความไม่ลงร่องปล่องชิ้นกันได้ของความรู้สึกนี่แหละ ทำให้ทางเลือกของหญิงที่ต้องการให้ชายที่หมายปองชำเลืองมองเรือนร่างของเธอมีน้อยลงจนต้องจำยอมกระทำดังกล่าวในฐานะเหยื่อ
คุณค่าในเชิงปัญญาของหนังสือเล่มนี้ นับว่าน่าสนใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในแวดวงความงามและคนที่ต้องการหญิงที่ "สวยด้วยปัญญา" พร้อมกันไป
ไม่ว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวจะเป็นอุดมคติเกินจำเป็นหรือไม่
รายละเอียดในหนังสือ
Introduction ว่าด้วยคำยืนยันว่า แม้โดยรูปแบบฐานะของผู้หญิงเกี่ยวกับการถูกครอบงำเรื่องความงามจะดูดีขึ้น แต่โดยสาระแล้ว ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากหลายทศวรรษเลย อิสรภาพของผู้หญิงยังคงเป็นอิสระที่ฉาบฉวยต่อไปบนเป้าหมาย "หญิงที่แท้" ซึ่งถูกทำให้เชื่อเช่นนั้น
The Beauty Myth แม้หญิงในโลกร่วมสมัยจะดูเหมือนได้รับสิทธิเท่าเทียมมากมาย แต่มายาคติว่าด้วยความงาม ยังคงเป็นกับดักที่หญิงยังดิ้นไม่หลุดจากแอกที่ถูกสร้างเอาไว้ใน "สวรรค์ผู้บริโภค" ด้วยฝีมือสื่อ นักโฆษณา และนักการตลาด ซึ่งเป็นสถาบันที่ครอบงำด้วยผู้ชาย ให้พวกเธอต้องรู้สึกกังวลกับเรือนร่างที่ไม่สมบูรณ์ และพร้อมจะปฏิเสธตัวเอง เพื่อเข้าสู่ความงามที่เพิ่มขึ้นอย่างปราศจากข้อแม้ เพื่อมุ่งสู่ "ความงามสากล" ซึ่งไม่เคยมี
Work มาตรฐานจอมปลอมในเรื่องความงามของเพลย์บอย หรือ PBQ สะท้อนให้เห็นวิถีของการทำงานในองค์กรว่า หญิงถูกบิดเบือนให้รับภาระมากกว่า หญิงที่สวยมากจะมีโอกาสตกงานน้อยกว่าหญิงสวยธรรมดา แต่หากหญิงสวยมากถูกคุกคามทางเพศจะเป็นความผิดของเธอเอง ส่วนหญิงสวยปกติ หากถูกคุกคามคนจะเชื่อว่าเธอสร้างเรื่องขึ้นมามากกว่าจะเป็นจริง
Culture บทบาทของนิตยสารผู้หญิงที่กำหนดกรอบวิถีชีวิตภายใต้ความคิดรวบยอดที่ว่า "ชายมองหญิง ในขณะที่หญิงพึงใจให้ถูกมอง ถือเป็นความสัมพันธ์กับตัวเองของหญิงมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพศ" โดยเฉพาะอุดมคติแห่งความงาม ความจำเป็นของการใช้สินค้าแห่งความงามตามแรงบีบคั้นของเจ้าของสินค้าที่ลงโฆษณาทุกชนิดเพื่อทำให้ "รู้สึกดี" และสามารถหนีมลทินใจได้ ซึ่งยังผลให้พบสถิติว่าถัวเฉลี่ยของรายได้ 1 ใน 4 ของหญิงที่อ่านนิตยสารเหล่านี้ ต้องจ่ายเป็นค่า "ประกันความงาม" สม่ำเสมอ ถือว่า ความงามที่ไร้สมอง ดีกว่าสมองที่ไร้ความงามที่สำคัญ นวนิยายคลาสสิกของโลกเกิดขึ้นได้เพราะเรื่องของหญิงงามทั้งสิ้น
Religion คัมภีร์ศาสนาทุกแห่งได้มีส่วนสร้างพิธีกรรมแห่งความงาม ด้วยการยกย่องให้หญิงผอมบางเป็นสัญลักษณ์จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์และการปลดเปลื้อง ในขณะที่หญิงอ้วนคือสัญลักษณ์แห่งบาป ความโลภและน่าเกลียด เป็นการสร้างลัทธิยอมจำนนให้กับหญิง และที่ร้ายกว่านั้น คัมภีร์ส่วนใหญ่ยังสร้างเรื่องให้หญิงชรากลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความกลัวแก่ในจิตใจของหญิงสาวอย่างมีนัย เปิดทางให้กับการนำเสนอ "น้ำมันศักดิ์สิทธิ์" ชโลมกายในสมัยต่อๆ มา
Sex มายาคติแห่งเสรีภาพทางเพศ ส่งผลให้การแสดงออกซึ่งพฤติกรรมทางเพศของหญิงเกินเลยด้วยความหลงผิดว่า อิสรภาพในการร่วมเพศนั้น เป็นเสรีภาพที่แท้จริง แปรเปลี่ยนให้ความสัมพันธ์ ทางเพศกลายเป็นการหากำไร และการผจญภัยจากอีกฝ่ายหนึ่ง โดยที่ต่างฝ่ายต่างเป็น "เครื่องมือประเมินความงาม" มากกว่าหุ้นส่วนแห่งรัก
Hunger โรคระบาดของความเชื่อว่า ผอมดีกว่าอ้วน แพร่เชื้อไปทั่วทุกมุมของสังคมหญิง ผู้ซื่อยอมสยบให้กับการยอมผอม ถือคติ "ตายดีกว่าอ้วน" โดยยอมแลกกับความเสี่ยงในเรื่องผิดปกติในการกิน โรคกินอาหารไม่ลง และกระเพาะไม่ยอมดูดซึม และธุรกิจลดความอ้วนเฟื่องฟูต่อเนื่องทุกปีสวนกระแสเศรษฐกิจ
Violence ศัลยกรรมพลาสติกที่เฟื่องฟูอย่างมหาศาลสำหรับคนที่ต้องการ "สวยทางลัด" นำพาหญิงจำนวนมากหาเหตุผลต่างๆ นานา เดินไปสู่คมมีดสารพัดอย่างมาหวาดหวั่นต่อความเสี่ยงด้วยความเชื่อศักดิ์สิทธิ์ว่า ความงามนั้นออกแบบได้ และมีค่ากว่าสุขภาพปกติ หญิงเหล็กมีคุณค่าน้อยกว่าหญิงที่เพอร์เฟกต์ ถือว่า ความพึงพอใจจากการลงโทษตัวเองนั้น กำไรเกินคุ้ม ไม่แยแสกับคำเตือนว่าจะกลายเป็น "บาดแผลเดินได้"
Beyond the Beauty Myth การเอาชนะมายาคติเรื่องความงามนั้น หญิงจะต้องสอบผ่านคำถามอันยากเย็นด้วยความจริงใจดังต่อไปนี้ว่า ผู้หญิงคืออะไร? เธอถูกสร้างมาเพื่ออะไร? ชีวิตและประสบการณ์ของหญิงนั้นมีคุณค่าเพียงพอหรือไม่? เป็นความภาคภูมิใจสุดยอดจริงหรือที่มีรูปโฉมสาวสไตล์ PBQ เสมอ? หญิงจะหลบหนีออกจากภาวะไร้ทางเลือกผิดๆ ที่ถูกกำหนดได้หรือไม่?
|
 |
|
|