| |
new releases
Manager 360 aStore
|
|
| |
|
 |
No!
ผู้เขียน: Jana Kemp
ผู้จัดพิมพ์: AMACOM
จำนวนหน้า: 226
ราคา: $12.95
buy this book
|
|
|
 |
คำเล็กๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณ
Jana Kemp ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารเวลาและการประชุม จะช่วยให้คุณสามารถเอาชนะความกลัวที่จะกล่าวปฏิเสธ และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยปราศจากผลลบต่อตัวคุณ Kemp จะช่วยให้คุณทลายกำแพงของการไม่สามารถตัดสินใจ โดยเธอชี้ว่า คำเล็กๆ อย่างคำว่า "ไม่" เพียงคำเดียว อาจเป็นเครื่องมือส่วนตัวของคุณ ที่มีอำนาจช่วยให้คุณสามารถปกป้องเวลา เงิน ลูกๆ ความอยู่ดีมีสุข และแม้กระทั่งชีวิตของคุณได้ เธอยังได้แนะนำวิธีเลือกใช้คำพูดและคำถาม เมื่อถึงเวลาที่คุณควรจะต้องกล่าวคำปฏิเสธ อย่างไม่มีการประนีประนอมใดๆ
อำนาจของคำว่า "ไม่"
ผู้แต่งชี้ว่า กุญแจที่จะทำให้คุณสมหวังในชีวิตมากขึ้น และได้สิ่งที่คุณต้องการมากขึ้น คือการพูดว่า "ใช่" เมื่อคุณต้องการจะพูดว่าใช่ และการพูดว่า "ไม่" เมื่อคุณหมายความตามนั้นจริงๆ โดยไม่มีการลังเลหรือเปลี่ยนใจ ซึ่งจะทำให้คนอื่นรู้ว่า ไม่มีอะไรเหลือให้สงสัยว่าคุณต้องการพูดว่า "ไม่" จริงๆ หรือไม่ และไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ต่อรอง
ผู้แต่งเริ่มด้วยการให้คุณประเมินตัวเองเพื่อค้นหาว่า คุณเป็นนักปฏิเสธประเภทไหน "ไม่ตลอดศก" "อาจจะเป็นส่วนใหญ่" หรือ "ใช่เป็นปกติ" การประเมินตัวเองนี้จะทำให้คุณรู้ว่า คุณเป็น "นักปฏิเสธมือโปร" หรือประเภท "เหลาะแหละ" หรือ "ใช่ยันเต"
แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นประเภทไหน คุณก็สามารถจะเพิ่มความสามารถในการพูดปฏิเสธได้ถึงจุดสูงสุดอย่างเหมาะสม และผู้แต่งยังสอนให้คุณสามารถดูออกด้วยว่า คนอื่นกำลังพยายามจะกล่าวปฏิเสธต่อคุณอยู่ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้จะพูดอย่างไร
ผู้แต่งอธิบายถึง "นักปฏิเสธมือโปร" ว่า คือคนที่สามารถ พูดปฏิเสธอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาและอย่างสบายใจที่จะพูดว่า "ไม่" โดยไม่มีการลังเล หรือรู้สึกผิด คนประเภทนี้เป็นเจ้าของสิ่งที่พวกเขาเลือกอย่างเต็มตัว ในขณะที่ยังคงมีอิสระในการเลือกและการสื่อสาร พวกเขารู้ว่าเมื่อใดควรพูดว่า "ใช่" และเมื่อใดควรพูดว่า "ไม่" และควรจะพูดอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งชี้ว่า แม้คุณจะเป็นนักปฏิเสธมือโปรอยู่แล้ว คุณก็ยังสามารถจะพัฒนาการกล่าวปฏิเสธของคุณให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้นได้อีก ด้วยการพัฒนาด้านความเร็ว การใช้น้ำเสียง และการเลือกใช้คำในการกล่าวปฏิเสธ ซึ่งผู้แต่งชี้ว่า กุญแจของการกล่าวปฏิเสธคือ กล่าวอย่างชัดเจนและกระชับ โดยปราศจากการตำหนิติเตียน ใจแคบหรือหยาบคาย และนักปฏิเสธมือโปรจำต้องใจกว้างต่อคนที่ไม่ได้เป็นนักปฏิเสธมือโปรเหมือนคุณด้วย
ต่อไปผู้แต่งเสนอโมเดลอำนาจของการปฏิเสธ ซึ่งประกอบด้วยการพิจารณาด้านจุดประสงค์ ทางเลือก/ทรัพยากร เวลา ความสัมพันธ์ด้านอารมณ์ และสิทธิและความรับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถพิจารณาว่า เมื่อใดจึงควรจะพูดว่า "ใช่" หรือ "ไม่" ได้อย่างเหมาะสม
โดยขั้นแรกคุณต้องพิจารณาจุดประสงค์ของคำขอนั้น ว่าเขาต้องการอะไร อะไรคือเหตุผลที่เขาต้องการอย่างนั้น ความต้องการของผู้ขอสัมพันธ์กับสิ่งที่เขากำลังขอให้คุณทำหรือไม่ คำขอนั้นปลอดภัยหรืออันตรายสำหรับคุณ และมีทางเลือกหรือทรัพยากรใดบ้างที่คุณมี
ผู้แต่งชี้ว่า การถามกลับว่า มีคนอื่นนอกจากคุณที่จะทำตามคำขอนั้นได้หรือไม่ หรือมีทางอื่นที่จะทำได้หรือไม่ จะทำให้คุณมองเห็นทางเลือกหรือทรัพยากรอื่นๆ ที่จะนำมาใช้ได้ ถ้าหากว่าทางเลือกและทรัพยากรอื่นๆ ที่มีอยู่ ไม่อาจจะทำให้คุณทำตามคำขอนั้นได้สำเร็จ จงกล่าวปฏิเสธทันที แต่ถ้ามีทางเลือกหรือทรัพยากรที่เพียงพอ ให้พิจารณาต่อไปถึงเรื่อง "เวลา"
เมื่อถึงเวลาตอบว่า "ไม่"
การพิจารณาเรื่อง "เวลา" คือการรู้เส้นตายที่ชัดเจนของการทำตามคำขอนั้น หากไม่มีเส้นตายสิ้นสุดการทำตามคำขอที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล คุณควรตอบปฏิเสธทันทีเช่นกัน แต่ถ้าหากมีเส้นตายชัดเจน ข้อต่อไปที่คุณจะต้องพิจารณาคือ ความสัมพันธ์ด้านอารมณ์ของคุณกับผลที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจรับทำตามคำขอ ให้พิจารณาว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่คุณต้องการทำหรือหลังจากที่ทำได้สำเร็จ หากคุณรู้สึกดีที่จะตอบรับ ให้พิจารณาต่อไปถึงสิทธิและความรับผิดชอบของคุณ จะเกิดอะไรขึ้นกับโอกาสในปัจจุบันและอนาคตของคุณ หากคุณตอบปฏิเสธ คุณจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง คุณต้องถามให้ชัดเจนว่า คุณสามารถคาดหวังผลอะไรได้จากการตัดสินใจของคุณ
ด้วยการพิจารณาอย่างชัดเจนทั้งด้านเหตุผลและอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่จะตอบรับหรือปฏิเสธของคุณเช่นนี้ จะทำให้คุณมีฐานรองรับที่แข็งแรงต่อการตัดสินใจ ผู้แต่งยังแนะนำ คำถามที่คุณจะใช้ถาม เพื่อเอาชนะความเหลาะแหละลังเลที่อาจพยายามจะเยี่ยมหน้าเข้ามารบกวนการตัดสินใจของคุณ
|
 |
|
|
