|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
H.I.M.M. - High Impact Middle Management
ผู้เขียน: Lisa Haneberg
ผู้จัดพิมพ์: Adams Media
จำนวนหน้า: 240
ราคา: $19.95
buy this book
|
|
|
|
ผู้จัดการประสิทธิผลสูง
เป็นที่ยอมรับกันดีว่า คุณภาพของบุคลากรคือปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัท แต่ปัญหาก็คือ ทำอย่างไรบริษัทจึงจะสามารถรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพ ให้คงอยู่กับบริษัทไปนานๆ ซึ่ง Lisa Haneberg นักฝึกอบรมด้านการบริหารชี้ว่า การจะสามารถรักษาพนักงานที่มีคุณภาพให้อยู่กับบริษัทไปได้นานๆ นั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานของผู้จัดการระดับกลาง
Haneberg ชี้ว่า ผู้จัดการระดับกลางมีอำนาจที่จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ได้ ถ้าบริษัทของคุณมีผู้จัดการประเภทที่มีประสิทธิผลสูง เขาจะช่วยให้บริษัทของคุณมีประสิทธิภาพการผลิตและกำไรสูงสุด ในขณะเดียวกันก็สามารถถนอมรักษาพนักงานที่มีคุณภาพให้คงอยู่กับบริษัท รวมทั้งสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีได้
ผู้แต่งอธิบายต่อไปว่า ผู้จัดการระดับกลางที่มีประสิทธิผลสูงจะทำงานอย่างรวดเร็วและมีเป้าหมายชัดเจน เขาจะรู้วิธีคิดเชิงกลยุทธ์ และประสานงานต่างๆ ได้อย่างดี รวมทั้งมีความคิดไม่หยุดนิ่งในการทำให้งานเดินไปข้างหน้า ทำให้เกิดผลงาน และทำให้สำนักงานมีบรรยากาศที่กระตือรือร้น
เพื่อช่วยให้ผู้จัดการระดับกลางทุกคนกลายเป็นผู้จัดการที่มีประสิทธิผลสูง ผู้แต่งได้คิดประดิษฐ์เครื่องมือทางการบริหารซึ่งมีชื่อว่า High Impact Middle Management หรือ H.I.M.M. ขึ้น ซึ่งประกอบด้วยหลักการ วิธีการและเทคนิค ที่จะทำให้ผู้จัดการสามารถสร้างผลงานได้สูงสุดและประสบความสำเร็จสูงสุด
ใครคือผู้จัดการระดับกลาง
ผู้จัดการระดับกลางอาจหมายถึงกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการหรือผู้จัดการ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบหน่วยงานอย่างน้อย 1 แห่งในบริษัท และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงสุดหรือ CEO แต่พวกเขาก็จะต้องมีความเข้าใจและมีส่วนในการเขียนแผนธุรกิจ วางงบประมาณ และมีส่วนร่วมในงานที่เกี่ยวกับการวางแผนอื่นๆ
สำหรับหลักการพื้นฐานของ H.I.M.M. มีมากมายหลายประการ แต่ในที่นี้จะยกตัวอย่างเพียง 4 ประการ ได้แก่
หลักการที่ 1 การเป็นผู้จัดการระดับกลางมีสิ่งที่น่าตื่นเต้น ผู้จัดการระดับกลางจะอยู่ใกล้ชิดกับการปฏิบัติงานมากกว่าผู้บริหารระดับสูงกว่า และเป็นผู้ที่ทำให้เกิดผลงานขึ้น
หลักการที่ 2 การเป็นผู้จัดการระดับกลางต้องมีฝีมืองานของผู้จัดการระดับกลางเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเลือกและการบริหารเวลาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและการพัฒนา
หลักการที่ 3 ผู้จัดการที่ยิ่งใหญ่จะทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำหรือไม่ต้องการทำ ผู้จัดการที่ยิ่งใหญ่จะทำในสิ่งที่คนอื่นพยายามหลีกเลี่ยง
หลักการที่ 4 ความมุ่งมั่นกำหนดการกระทำ ความสำเร็จขั้นสุดยอดเกิดขึ้นจากการมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำงานให้สำเร็จ
มุ่งเน้นผลงาน
นอกจากนี้ ผู้แต่งยังเสนอหลักการเพิ่มเติมอีก 4 ข้อ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผู้จัดการระดับกลาง และหนึ่งในนั้นคือ การช่วยให้ผู้จัดการระดับกลางพัฒนาขีดความสามารถในการมุ่งเน้นที่ผลงาน หรือ results-oriented responses (RORs)
ผู้แต่งได้สร้างแผนผังเพื่อเปรียบเทียบ ROR กับพฤติกรรมที่ตรงกันข้าม ซึ่งเรียกว่า low-results responses (LRRs) เช่น ROR ข้อหนึ่งระบุว่า "จงเป็นเจ้าของ" ซึ่งหมายถึงว่า ผู้จัดการกลางระดับกลางที่มีประสิทธิผลสูง จะต้องกล้าที่จะรับผิดชอบในผลที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว จะต้องกล้าริเริ่มที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีขึ้น และทำทุกอย่าง เพื่อที่จะทำให้งานสำเร็จ ซึ่งหมายถึงการทุ่มเทอย่างสุดตัว
ส่วน LRR ที่ตรงข้ามกับ ROR ข้างต้นคือ "การเป็นคนเฝ้า" หมายถึงการเอาแต่ทำตามคำสั่ง รอให้คนอื่นเป็นฝ่ายเริ่ม และหวังให้คนอื่นเป็นผู้รับผิดชอบ รวมทั้งหลีกเลี่ยงงานที่ไม่น่าพิสมัย ซึ่งหมายถึงการมีพฤติกรรมที่เป็นแต่ผู้ตาม และไม่ทุ่มเทใจกายอย่างสุดตัว
ผู้แต่งได้ยกตัวอย่างนักบริหารคนดัง ขณะที่เป็นผู้บริหาร ระดับกลาง ได้ทุ่มเทกำลังความคิดทั้งมวลเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่กว่า และในที่สุดก็สามารถประสบผลสำเร็จที่งดงาม โดยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุด ซึ่งได้แก่ Michael Dell แห่ง Dell Computer, Ralph Stayer ซึ่งเป็น CEO ของ Johnsonville Sausage และ Fred Smith ซึ่งเป็น CEO ของ FedEx
|
|
|
|