| |
new releases
Manager 360 aStore
|
|
| |
|
 |
The Keystone Advantage
ผู้เขียน: Marco Iansiti, Roy Levien
ผู้จัดพิมพ์: Harvard Business School Press
จำนวนหน้า: 255
ราคา: $35.00
buy this book
|
|
|
 |
"ระบบนิเวศ" ของสังคมธุรกิจ
Marco Iansiti ซึ่งเป็นศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Harvard Business School และ Roy Levien ผู้นำธุรกิจ เชื่อว่ายุทธศาสตร์บริษัท ไม่เพียงสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัทเท่านั้น แต่ยังสำคัญต่อความสำเร็จของสังคมธุรกิจทั้งมวลด้วย ผู้แต่งได้นำระบบนิเวศวิทยาสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติมาใช้อธิบายเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจถึงการทำงานของเครือข่ายสังคมธุรกิจ ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทต่างๆ ที่อยู่รวมกันและมีปฏิสัมพันธ์กันในด้านต่างๆ และชี้ให้เห็นว่า บริษัทอย่าง Wal-Mart, Microsoft, Li & Fung และ eBay ได้นำยุทธศาสตร์ "การเป็นบริษัทเสาหลัก" (keystone) มาใช้จัดการ "ระบบนิเวศ" ของสังคมธุรกิจ เฉกเช่นเดียวกับที่สิ่งมีชีวิตประเภท 'keystone species' ซึ่งมีอิทธิพลสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยาในธรรมชาติ
3 บทบาทสำคัญของบริษัท
จากการศึกษาวิจัยอุตสาหกรรมต่างๆ บวกกับประสบการณ์ตรงมานาน 10 ปี ผู้แต่งพบว่า บริษัทต่างๆ จะเล่นบทบาทหลักอยู่ 3 อย่างในระบบนิเวศของสังคมธุรกิจ ซึ่งได้แก่
- การเป็นเสาหลัก บริษัทประเภทนี้จะมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณภาพของระบบนิเวศของสังคมธุรกิจโดยรวม ซึ่งจะส่งผลย้อนกลับมาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของบริษัทเอง
- การเป็นเจ้าของที่ดินและผู้ครอบครอง บริษัทที่เลือกใช้ยุทธศาสตร์การจัดการระบบนิเวศของสังคมธุรกิจประเภทนี้จะเป็นเจ้าของศูนย์กลางเครือข่าย
- ผู้เล่นคนหนึ่ง บริษัทประเภทนี้จะไม่ได้เป็นเจ้าของศูนย์กลางเครือข่าย
บริษัทสามารถใช้บทบาททั้งสามนี้เป็นกรอบในการวิเคราะห์ลักษณะและบทบาทที่ตนเล่น ในระบบนิเวศของโลกธุรกิจได้ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถประเมินยุทธศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยี และการดำเนินงานเสียใหม่ เพื่อสร้างสรรค์ยุทธศาสตร์ใหม่ที่จะทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันตลอดไป ผู้แต่งชี้ว่า การที่บริษัทอย่าง Wal-Mart และ Microsoft ประสบความสำเร็จ ก็เพราะสามารถวิเคราะห์ได้ว่า พวกเขาควรจะสร้าง จัดการ และพัฒนาระบบนิเวศของโลกธุรกิจไปในทิศทางใด
การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ผู้แต่งอธิบายว่า ระบบนิเวศของโลกธุรกิจมีพลังอำนาจมหาศาลต่อบริษัทต่างๆ ที่อยู่ภายใน เช่นเดียวกับที่ระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ ซึ่งแวดล้อมสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ที่ล้วนแล้วแต่มีปฏิสัมพันธ์โยงใยกันอย่างซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นห่วงโซ่อาหารซึ่งแสดงให้เห็นถึงการถ่ายเทพลังงานในระบบนิเวศวิทยา ผ่านการกินกันเป็นทอดๆ ไปจนถึงสิ่งที่ควบคุมการแสดงออกของยีน หรือระบบตรวจสอบความถูกต้องและสมดุลตามธรรมชาติ ที่ช่วยควบคุมการแบ่งกลุ่มของผึ้งในการออกหาน้ำหวาน เครือข่ายของการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกันเหล่านี้ คือสิ่งที่เป็นตัวกำหนดความสำเร็จของระบบนิเวศวิทยาในธรรมชาติ นับตั้งแต่ระดับยีนจนถึงระดับสังคม
ผู้แต่งชี้ว่า ความรู้ที่ได้มาจากการตระหนักและเข้าใจถึงความซับซ้อนของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ที่มีอยู่ในระบบนิเวศในธรรมชาตินี้ จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและจัดการระบบนิเวศในโลกธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
3 คำทำนาย
ผู้แต่งได้ทำนายอนาคตของระบบนิเวศของโลกธุรกิจ โดยอิงกับความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศในธรรมชาติไว้ 3 ประการดังนี้
- ระบบนิเวศของโลกธุรกิจกลับจะเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อเผชิญกับวิกฤติการณ์จากภายนอก ผู้แต่งเชื่อว่า หากเกิดปัญหาใหญ่กับสมาชิกสำคัญของโลกธุรกิจ ซึ่งสามารถจะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง แต่ระบบนิเวศของโลกธุรกิจจะไม่ถูกทำลาย และจะสามารถดูดกลืนความเสียหายที่เกิดขึ้นได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งความเชื่อของผู้แต่งค่อนข้างจะแตกต่างจากกรอบความคิดเกี่ยวกับโลกธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- ระบบจะมีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยเชื่อมโยงกับความรู้ความชำนาญพิเศษของสมาชิกในระบบ เช่นเดียวกับที่ระบบนิเวศในธรรมชาติสามารถผสมผสานความเข้มแข็งและความคงอยู่ เข้ากับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แล้วนำไปสู่กระบวนการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
- แต่ละบริษัทอาจมีโครงสร้างและบทบาทที่แตกต่างกัน แต่ยังคงมีอิทธิพลต่อเสถียรภาพและประสิทธิภาพของระบบนิเวศของโลกธุรกิจในแง่มุมต่างๆ กัน เช่นเดียวกับที่ระบบนิเวศในธรรมชาติได้พัฒนาโครงสร้างที่มีสิ่งมีชีวิตบางชนิดเท่านั้น ที่จะมีบทบาทหรืออิทธิพลสูงกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในระบบนิเวศเดียวกัน
สุดท้าย ผู้แต่งสรุปว่า พวกเขามองว่าระบบนิเวศของโลกธุรกิจ ซึ่งแวดล้อมบริษัทอยู่นั้น เป็นแหล่งของการกำเนิดของสิ่งใหม่ๆ มากกว่าจะเป็นสิ่งคุกคามบริษัทจากภายนอก และเชื่อว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องคิดหาวิธีระบุถึงคุณภาพของระบบนิเวศของโลกธุรกิจโดยรวมให้ได้ รวมทั้งควรทำความเข้าใจถึงวิธีที่บริษัทจะสามารถสร้างอิทธิพลต่อระบบนิเวศ และมีส่วนในการพัฒนาคุณภาพของระบบนิเวศของโลกธุรกิจ
|
 |
|
|
