Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 



new releases
Manager 360 aStore






 
Family Wealth
ผู้เขียน: James E. Hughes Jr.
ผู้จัดพิมพ์: Bloomberg Press
จำนวนหน้า: 226
ราคา: $39.95
buy this book

รักษาทรัพย์มรดกให้ถึงลูกหลาน

James E. Hughes Jr. เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนจัดการมรดกและการดูแลผลประโยชน์ ซึ่งเคยช่วยครอบครัวต่างๆ มาแล้วทั่วโลก ให้สามารถรักษาทรัพย์สมบัติที่พวกเขาสร้างมาด้วยความเหนื่อยยากให้คงอยู่จนถึงมือลูกหลาน หนังสือเล่มก่อนๆ ของเขาได้ช่วยสอนให้ครอบครัวเรียนรู้วิธีรักษาทรัพย์สมบัติให้คงอยู่ยาวนานต่อไปในอนาคต ส่วนในเล่มนี้เขาได้เพิ่มเนื้อหาขึ้นอีกหลายอย่าง ได้แก่ เรื่องผู้อาวุโส การประเมินทายาทรุ่นที่สาม และพี่เลี้ยงทางด้านการเงิน เป็นต้น

จากยาจกสู่เศรษฐีแล้วกลับกลายเป็นยาจก
ในสหรัฐฯ มีคำกล่าวว่า จากยาจกเข็ญใจกลายเป็นเศรษฐีแล้วกลับกลายเป็นยาจกอีกครั้ง ในเวลาเพียง 3 ชั่วอายุคน ซึ่งก็หมายถึงการรุ่งเรืองและตกต่ำของครอบครัวหนึ่งนั่นเอง ซึ่งมักจะมีลักษณะดังนี้คือ คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ซึ่งไม่เคยได้รับการศึกษาดีๆ แต่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจากศูนย์จนกลายเป็นเศรษฐี และยังคงดำรงชีวิตด้วยความสมถะ ส่วนคนรุ่นลูกจะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ใส่เสื้อผ้าแพงๆ ตามแฟชั่น เป็นเจ้าของแมนชั่นหรูในเมืองและที่ดินในชนบท และเข้าสู่วงสังคมชั้นสูง พอมาถึงรุ่นหลาน ยิ่งใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยและแทบไม่เคยทำงาน มีแต่ใช้จ่ายเงินเท่านั้น แล้วพอมาถึงคนรุ่นที่สี่ก็กลับไปเป็นคนเข็ญใจตามเดิม

แต่ Hughes กล่าวว่า วงจรจากยาจกสู่เศรษฐีสู่ยาจกนี้ สามารถหลีกเลี่ยงได้ และครอบครัวสามารถรักษาความร่ำรวยไว้ได้มากกว่า 100 ปี หากสามารถทำให้ระบบตัวแทนในการจัดการดูแลทรัพย์มรดกที่ครอบครัวได้จัดตั้งขึ้น มีการตัดสินใจที่ถูกต้องมากกว่าผิดพลาดในระยะยาว ในเรื่องเกี่ยวกับการใช้ทุนทางสติปัญญา ทุนมนุษย์ และทุนทางการเงิน Hughes ชี้ว่า ครอบครัวก็ไม่ต่างกับธุรกิจ ซึ่งต้องการการวางแผนระยะยาวจึงจะสามารถปกปักรักษาความมั่งคั่งเอาไว้ได้

ควบคุมโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ
ปรัชญาสำคัญประการหนึ่งที่ Hughes ใช้ในการช่วยครอบครัวทั้งหลายเอาชนะวงจรยาจก-เศรษฐี-ยาจก คือ แนวคิด "ควบคุมโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ" หรือการแต่งตั้งตัวแทนดูแลทรัพย์สมบัติหรือการลงทุนของครอบครัว ซึ่งหมายความว่าการทำให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกว่า เป็นเจ้าของทรัพย์สินจากการที่ได้ควบคุมทรัพย์สินนั้น แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของตามกฎหมายก็ตาม

Hughes ได้ยกตัวอย่างประกอบโดยเล่าถึงลูกค้าคนหนึ่งของเขาซึ่งเป็นเศรษฐีชราวัยปลาย 60 ซึ่งต้องการจะจัดแบ่งมรดกให้ภรรยาและลูกๆ หลังจากที่ Hughes ได้สอบถามอย่างถี่ถ้วนแล้วก็พบว่า ภรรยาของเศรษฐีชราไม่มีความรู้เรื่องการเงินเลย ซ้ำยังมีญาติที่มาคอยรีดไถเงินอยู่เรื่อยๆ ส่วนลูกชายกำลังมีปัญหากับชีวิตแต่งงาน ในขณะที่ลูกสาวซึ่งเป็นหมอเพิ่งถูกคนไข้ฟ้องร้อง Hughes เล่าว่า หากเขาปล่อยให้ลูกค้าของเขาทำตามที่คิด ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเศรษฐีชราคงจะหมดสิ้นไปก่อนที่จะถึงมือรุ่นหลานเป็นแน่

ทำไมจึงไม่ควรแบ่งมรดก
Hughes ได้ชี้ให้เศรษฐีชราตระหนักถึงความจริงในครอบครัวของตนเอง ซึ่งทำให้เศรษฐีมองเห็นว่า มรดกส่วนที่เขาจะแบ่งให้ภรรยาคงจะต้องหมดไปกับญาติจอมรีดไถของเธอ ส่วนบุตรชายของเขา หากหย่าขาดจากภรรยาที่กำลังระหองระแหงกัน มรดกที่เขาได้รับจากบิดา ก็คงจะตกอยู่ในความเสี่ยง ส่วนกรณีของบุตรสาว เธออาจถูกคนไข้ฟ้องร้องจนหมดตัวพร้อมกับมรดกที่ได้รับจากเขา

Hughes จึงได้แนะนำให้เศรษฐีสอนแนวคิดควบคุมโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของให้แก่สมาชิกในครอบครัว โดยชี้ด้วยว่า เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ครอบครัวดังกล่าวซึ่งไม่มีความรู้ด้านการเงิน จะเลือกใช้ในการจัดการทางการเงิน Hughes อธิบายให้ลูกค้าคนนี้ฟังว่า หากภรรยาของเศรษฐีได้ควบคุมวิธีการเรียนรู้การจัดสรรการลงทุน การออมเงิน และการจัดการงบดุลของทรัพย์สมบัติของครอบครัว โดยได้รับคำแนะนำจากตัวแทนจัดการดูแลทรัพย์สินที่เธอเป็นผู้เลือกเอง โดยที่เธอไม่ต้องมาแบกรับความเสี่ยงจากการเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกนั้น เธอจะสามารถรักษาความร่ำรวยเอาไว้ได้ตลอดไป

นอกจากนี้ Hughes ยังกล่าวถึงเรื่องผู้รับประโยชน์ ตัวแทน จัดการดูแลทรัพย์สิน และบริษัทดูแลจัดการผลประโยชน์



upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide



 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us