|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
The (Mis) Behavior of Markets
ผู้เขียน: Benoit Mandelbrot, Richard L. Hudson
ผู้จัดพิมพ์: Basic Books
จำนวนหน้า: 328
ราคา: $27.50
buy this book
|
|
|
|
วิเคราะห์ตลาดเงินด้วยเรขาคณิต
Benoit Mandelbrot เป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์มือรางวัล เขาเป็นผู้ค้นพบรูปทรงเรขาคณิตแบบ fractal ซึ่งทำให้การสร้างภาพเคลื่อนไหว (animation) บนจอคอมพิวเตอร์เป็นไปได้
fractal เป็นรูปทรงเรขาคณิตประเภทหนึ่งที่สามารถแตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยที่แต่ละชิ้นยังคงเป็นรูปย่อส่วนที่สะท้อนให้เห็นภาพใหญ่ได้ อย่างเช่นกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ หรือสาขาของแม่น้ำ
fractal เป็นรูปเรขาคณิต ที่ก้าวไปไกลกว่ารูปทรงกลมหรือรูปสี่เหลี่ยมซึ่งราบเรียบเป็นระเบียบ แต่เราจะพบรูปทรงแบบ fractal เฉพาะที่มีความขรุขระไม่ราบเรียบเท่านั้น
Mandelbrot ค้นพบ fractal จากการศึกษาเรื่องความขรุขระ ในขณะที่เขาค้นพบรูปแบบของ fractal แต่คนอื่นๆกลับพบแต่ความไร้ระเบียบในความขรุขระ
การค้นพบของ Mandelbrot ได้เปลี่ยนแปลงวิธีคิดที่เรามีต่อธรรมชาติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อแผนภูมิหน้าตาแปลกประหลาดของดัชนีหุ้น หรืออัตราแลกเปลี่ยน และ Mandelbrot ได้นำ fractal นี้มาใช้เป็นเครื่องมืออันทรงพลัง ในการวิเคราะห์และทำนายความเสี่ยงของตลาดเงินตลาดทุน
การวิเคราะห์ตลาดการเงินด้วย fractal ทำให้นักวิเคราะห์สามารถสร้างโมเดลของสินทรัพย์แต่ละตัวเพื่อดูว่า สินทรัพย์จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรได้บ้าง ด้วยการสร้างสถานการณ์จำลองที่อาจเป็นไปได้ทุกสถานการณ์บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้สามารถประเมินความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละครั้งได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น
จริงอยู่ที่ว่า เราไม่สามารถทำนายการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าที่ซื้อขายกันในตลาด และอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างแม่นยำเที่ยงตรงโดยไร้ข้อผิดพลาด แต่ Mandelbrot ชี้ว่า อย่างน้อยเราก็สามารถจะวัดและเข้าใจลักษณะของการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ และยังสามารถทำนายความผันผวนของมันได้อีกด้วย
10 แนวคิดนอกคอก
จากการเฝ้าสังเกตรูปแบบที่เกิดขึ้นในตลาดเงินตลาดทุน ทำให้ Mandelbrot สังเกตเห็นความจริง 10 ประการ ที่เขาเรียกมันว่า "10 ความคิดนอกคอกเกี่ยวกับตลาดเงินตลาดทุน"
1. ตลาดมีแต่ความสับสนวุ่นวาย Mandelbrot ระบุว่า ความสับสนวุ่นวายของตลาดเป็นเรื่องปกติ ซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในแผนภูมิการเปลี่ยนแปลงของราคา และเป็นไปตามทฤษฎี fractal ของเขา กล่าวคือ เราจะเห็นส่วนย่อยๆ ของความสับสนวุ่นวายในแผนภูมิราคา ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพใหญ่ของความสับสนวุ่นวายในตลาดได้เป็นอย่างดี
2. ตลาดมีความเสี่ยงสูงมาก และมากกว่าที่ทฤษฎีประเมินความเสี่ยงที่ใช้กันอยู่จะคาดคิดไปถึง ความสับสนวุ่นวายของตลาดเป็นสิ่งที่อันตราย เพราะยากแก่การทำนายและยากยิ่งกว่าในการหาทางป้องกัน รวมทั้งยากที่สุดที่จะควบคุมความสับสนวุ่นวายและทำกำไรจากมัน
3. "จังหวะเวลา" ในตลาดสำคัญมาก การได้กำไรหรือขาดทุนมหาศาลใช้เวลาเพียงชั่วไม่กี่วัน ข่าวใหญ่สามารถทำให้ตลาดเกิดปฏิกิริยาที่ใหญ่ตาม และจะกินเวลาเพียงไม่นาน ดังนั้น หาก "จังหวะเวลา" ของคุณถูกต้อง ก็จะทำกำไรได้มหาศาล เช่นที่ George Soros เคยทำกำไร 2 พันล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ในปี 1992 จากการโจมตีค่าเงินปอนด์
4. ราคามักจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด ไม่เคยเพิ่มอย่างช้าๆ ซึ่งยิ่งเพิ่มความเสี่ยง เพราะในตลาดเงินตลาดทุน ข่าวเพียงข่าวเดียวอาจทำให้นักลงทุนเฮโลทำในสิ่งเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน และในทันที
|
|
|
|