| |
new releases
Manager 360 aStore
|
|
| |
|
 |
The Hydrogen Economy
ผู้เขียน: Jeremy Rifkin
ผู้จัดพิมพ์: Penguin Book
จำนวนหน้า: 300
ราคา: 592฿
buy this book
|
|
|
 |
ในตำนานเทพปกรณัมของกรีกโบราณ มีเรื่องเล่าถึงโปรเมธุสได้ขโมยไฟจากเทพเจ้ามาให้มวลมนุษย์เพื่อใช้ปรุงอาหารและอบอุ่นร่างกาย จึงถูกเทพเจ้าลงโทษด้วยการมัดเอาไว้บนยอดเขาเพื่อให้อีแร้งมาจิกกินไส้พุงของเขาเป็นการลงทัณฑ์
มนุษย์ทุกคนจึงเป็นลูกหลานของโปรเมธุส และดวงไฟที่ขโมยพระเจ้ามา ก็ได้แปลงกายเป็นภูมิปัญญาและพลังสมอง เพื่อให้มนุษย์หาทางออก ทำให้มนุษย์กลายเป็นสัตว์เหนือกว่าในการค้นหาทางออกจากวิกฤติของตนเอง
ปัญหาพลังงานน้ำมันร่อยหรอเพราะมนุษย์ดูดขึ้นเอามาใช้ในฐานะเชื้อเพลิงหลัก นับแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญให้มนุษย์ต้องรีบเร่งค้นหาพลังงานอื่นทดแทน
หนังสือเล่มนี้เชื่อว่าได้พบคำตอบแล้ว และเป็นคำตอบที่ดีกว่าเดิม
ผู้เขียนเชื่อว่าทางออกของปัญหาราคาน้ำมันอยู่ที่พลังงานจากไฮโดรเจน ซึ่งได้จากกรรมวิธีทางเคมีเพื่อแยกน้ำออกจากกัน จะได้เป็นออกซิเจน 1 ส่วน และไฮโดรเจน 2 ส่วน โดยที่น้ำนั้นจะไม่มีวันหมดไปจากผิวโลกและจะไม่ต้องเผชิญกับการขาดแคลนน้ำมันอีกต่อไป
ในหนังสือเล่มนี้ประเมินเอาไว้ว่า หลังจาก ค.ศ.2020 เป็นต้นไป การผลิตน้ำมันจะไม่สัมพันธ์กับความต้องการใช้อีก เนื่องจากข้อจำกัดของทรัพยากร ดังนั้นการหาพลังงานมาทดแทนโดยเร็วด้วยไฮโดรเจน นอกจากจะมีต้นทุนที่ต่ำแล้ว ยังสามารถให้พลังงานที่สะอาด และไม่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกอย่างที่นักอนุรักษ์ธรรมชาติวิตกกังวลกันในยามนี้
ผู้เขียนให้ภาพน่าสนใจเกี่ยวกับการที่พลังงานน้ำมันได้เปลี่ยนจากสินค้าธรรมดามา เป็นเครื่องมือทางการเมืองของชาติมุสลิมในตะวันออกกลางต่อรองอำนาจกับชาติต่างๆ ทั่วโลก
ในขณะที่เดียวกันก็ให้ข้อมูลน่าสนใจเรื่องการนำเอาพลังงานไฮโดรเจนมาใช้ในเชิงพาณิชย์ และไม่ได้รับความนิยมเมื่อกว่าร้อยปีก่อน ซึ่งสามารถที่จะรื้อฟื้นกลับมาใช้ได้ อย่างน้อยก็ทุกประเทศจะได้มีพลังงานกลับมาใช้ต่อเนื่อง เพียงแค่การดัดแปรเครื่องยนต์หรือโรงงานให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานทางเลือกใหม่ที่ดีกว่านี้
ที่สำคัญช่วยแก้ปัญหาการผูกขาดพลังงานของบางประเทศในโลกไปได้อย่างรูปธรรม และชาวโลกจะได้กลับมาจับมือกันมากยิ่งขึ้น
หนังสือนี้มีความยาว 300 หน้า ซึ่งให้ความหวังที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่จะฝ่าทางตันของปัญหาราคาน้ำมันอย่างเดียว แต่ให้ทางเลือกสำหรับประเทศยากจนอย่างกว้างขวาง และเปิดประเด็นใหม่ที่น่าสนใจในเรื่องการฝ่าทางตันของมนุษยชาติทางด้านภูมิปัญญา
อ่านหนังสือที่พยายามฝ่าทางตันทางความคิดเช่นนี้ สามารถช่วยกระตุ้นต่อมจินตนาการของผู้คนได้ดียิ่ง จะได้ไม่จ่อมจมอยู่กับการศึกษากลยุทธ์ หรือวิชามารของการต่อสู้แย่งชิงอันไร้สาระของคนที่มองไม่เห็นอนาคต
ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะอ่านเพื่อหาความรู้ หรืออ่านเพื่อนำไปค้นคว้าเพิ่มเติมต่อ
รายละเอียดในหนังสือ
Chapter 1 Between Realities พูดถึงการค้นพบอันชาญฉลาดทางวิทยาศาสตร์ในอดีตที่ถูกละเลย ทั้งที่มีการพิสูจน์ถึงภูมิปัญญาดังกล่าวมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ถูกทำให้เป็นเชิงพาณิชย์ในฐานะพลังงานทดแทนน้ำมันปิโตรเลียม
Chapter 2 Sliding Down Hubbert's Bell Curve พูดถึงขีดความสามารถและขีดจำกัดของการขุดค้นพลังงานปิโตรเลียมขึ้นมาใช้ประโยชน์ ที่จะมากสุดในช่วงปี ค.ศ.2010 และจะเริ่มถดถอยลงหลังจาก ค.ศ.2020 เป็นต้นไป
Chapter 3 Energy and The Rise and Fall of Civilizations พูดถึงบทบาทและความสำคัญของพลังงาน ในฐานะแหล่งสร้างความมั่งคั่งแก่ระบบการผลิตของสังคมมนุษย์ตั้งแต่ยุคโบราณถึงปัจจุบัน
Chapter 4 The Fossil-Fuel Era พูดถึงบทบาทของพลังงานจากธรรมชาติที่ประทานให้มาจากซากฟอสซิลในโลกประเภทต่างๆ ที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ อาทิ ถ่านหิน และน้ำมัน
Chapter 5 The Islamist Wild Card บทบาทและฐานะของโลกมุสลิมในการเป็นต้นธารของพลังงานน้ำมัน ในฐานะ "สินเชื่อราคาถูกจากพระอัลเลาะห์" และได้ดัดแปลงให้น้ำมันเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ทรงอำนาจในปัจจุบัน
Chapter 6 A Global Meltdown ผลพวงที่ไม่คาดฝันจากการใช้น้ำมันเกินขนาดจนก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก และมลพิษทั่วโลก
Chapter 7 Vulnerabilities Along The Seams ความเสี่ยงที่ตระหนักชัดต่อชาวโลกของการพึ่งพาพลังงานจากน้ำมันเป็นหลัก นับแต่กรณี 11 กันยายน 2544 เป็นต้นมา
Chapter 8 The Dawn of The Hydrogen Economy การค้นพบที่ถูกรื้อฟื้นใหม่ของพลังงานจากไฮโดรเจนในฐานะทางออกที่มีราคาต่ำ และมีความเสี่ยงน้อย แต่ยังมีขีดจำกัดที่ต้องข้ามไปให้ได้ โดยเฉพาะในการผลิตไฟฟ้า
Chapter 9 Reglobalization From The Bottom Up ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงหลายประการของการนำพลังงานจากไฮโดรเจนมาใช้ในทุกระดับของการผลิต โดยเฉพาะการทำลายการผูกขาดพลังงานของบางประเทศในโลก และย้อนกลับมาร่วมมือกันครั้งใหญ่ทั่วโลก
|
 |
|
|
