|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
Credibility
ผู้เขียน: James Kouzes, Barry Z. Posner
ผู้จัดพิมพ์: Jossy-Bass
จำนวนหน้า: 250
ราคา: $27.95
buy this book
|
|
|
|
ในช่วงเวลาที่โลกเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจตกต่ำที่รุนแรงยิ่งขึ้น ประชาชนแตกแยกออกเป็นฝักเป็นฝ่ายมากยิ่งขึ้น ภายในบริษัทก็มีแต่คนที่คิดเพียงเอาตัวเองให้รอด ในช่วงเวลาเช่นนี้ ความน่าเชื่อถือของผู้นำยิ่งเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น ผลจากการศึกษาวิจัยนานกว่า 30 ปีของ James M. Kouzes และ Barry Z. Postner ผู้แต่ง Credibility สรุปว่า ความน่าเชื่อถือยังคงเป็นรากฐานของการเป็นผู้นำ และผู้นำควรพัฒนาขีดความสามารถในการสร้างความน่าเชื่อถือและรักษามันไว้ รวมทั้งเรียนรู้วิธีที่จะฟื้นความน่าเชื่อถือกลับคืนมา ถ้าหากว่าต้องสูญเสียมันไป
ความน่าเชื่อถือคือรากฐานของผู้นำ
เหตุใดความน่าเชื่อถือจึงเป็นรากฐานของการเป็นผู้นำ นั่นเพราะคนต้องรู้สึก “เชื่อ” ในตัวผู้นำก่อน พวกเขาจึงเต็มใจที่จะเดิน ตามผู้นำ ความน่าเชื่อถือหมายถึง การที่ผู้นำได้รับความไว้วางใจและ ความเชื่อมั่นจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ลูกค้า หรือผู้ถือหุ้น ความเชื่อถือได้เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังและเรียกร้องจากผู้นำ ก่อนที่พวกเขาจะยอมเทใจให้แก่ผู้นำด้วยความเต็มใจ
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 พนักงาน 60% หรือกว่านั้นทั่วโลก ไม่เชื่อว่าผู้นำของพวกเขาซื่อสัตย์ มีคนมากกว่าครึ่งหนึ่งที่สูญเสียความเชื่อมั่นในความสามารถของผู้บริหาร ส่วนพนักงานในสหรัฐฯ เกือบครึ่งหมดความเชื่อถือในตัวผู้บริหาร โดยรวมแล้วความเชื่อมั่น ในธุรกิจขนาดใหญ่ในสมัยนั้นตกต่ำถึงขีดสุดเหลือเพียง 26% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีมานี้ ดูเหมือนว่าผู้นำจะหันกลับ มารับฟังมากขึ้น ทำให้คนเริ่มกลับมาเชื่อถือในตัวผู้นำอีกครั้ง ในช่วงทศวรรษ 1990 จนถึงช่วงเปลี่ยนสหัสวรรษใหม่ ความไว้วางใจ ความเชื่อมั่นและความเชื่อถือในตัวผู้นำของสถาบันสำคัญต่างๆ ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง น่าเสียดายที่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
หลังจากที่ความเชื่อถือในตัวผู้นำเพิ่มขึ้นมาเป็นเวลา 10 ปี แต่พอถึงช่วงต้นทศวรรษ 2000 ความเชื่อมั่นในสถาบันและผู้นำในหมู่ชาว อเมริกันก็กลับลดต่ำลงอีก จนถึงปี 2007 ความไว้วางใจ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความน่าเชื่อถือที่ชาวอเมริกันมีให้กับสถาบันสำคัญๆ และผู้นำของพวกเขาก็ตกต่ำลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ประชาชนไม่ค่อย เชื่อถือตั้งแต่ตัวประธานาธิบดี องค์กรศาสนา Wall Street รัฐสภาสหรัฐฯ ผู้บริหารธุรกิจ โรงเรียนรัฐบาล หนังสือพิมพ์ ธนาคาร บริษัทประกัน จนกระทั่งถึงเซลส์ขายรถยนต์
ในช่วงเวลาที่อะไรๆ เป็นไปด้วยดี คนมักจะมีความเชื่อมั่นใน ตัวผู้นำ แต่ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างเลวร้าย คนจะเชื่อถือผู้นำน้อยลง ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำยาวนาน มีแต่ข่าวการลอยแพพนักงาน และรายได้ของครัวเรือนที่ลดลง ความเชื่อถือในธุรกิจและผู้นำรัฐบาลก็จะ ลดลงด้วย จึงไม่ต้องสงสัยว่า เหตุใดผู้นำจึงเริ่มสูญเสียความน่าเชื่อถือ มาตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมาจนกระทั่งปัจจุบันก็เพราะวิกฤติเศรษฐกิจ ตกต่ำทั่วโลกที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2007 นั่นเอง
คนคาดหวังสิ่งใดจากผู้นำ
ผลการวิจัยกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดยสมาคมการบริหารอเมริกัน (American Management Association) ได้สอบถามพนักงานมากกว่า 1,500 คนในสหรัฐฯ ว่า “คุณสมบัติใด (นิสัยส่วนตัว) ที่คุณ มองหาในตัวผู้นำ” คำตอบมีมากถึง 225 คุณสมบัติที่พนักงานคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้นำต้องมี คณะนักวิจัยได้วิเคราะห์คำตอบกว่า 200 ข้อนั้นและสรุปออกมาเหลือเพียง 4 คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่คนส่วนใหญ่ มองหาในตัวผู้นำ และเป็นคุณสมบัติที่จะทำให้พวกเขารู้สึกชื่นชมยกย่อง ในตัวผู้นำนั้น
1. ความซื่อสัตย์ คือการพูดความจริงและไว้ใจได้
2. มองไปข้างหน้า คือเป็นคนมีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล เป็นห่วงอนาคต มีการกำหนดทิศทางที่จะเดินไปในอนาคตชัดเจน
3. มีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ ได้แก่ การให้กำลังใจ มีความกระตือรือร้น มีพลัง มีอารมณ์ขัน ร่าเริง มองโลกในแง่ดี และมองอนาคตในทางที่ดี
4. มีความรู้ความสามารถ คือทำงานเก่ง เชี่ยวชาญ ทำงานสำเร็จลุล่วง และเป็นมืออาชีพ
6 ขั้นตอนในการสร้างความน่าเชื่อถือในตัวผู้นำ
1. รู้จักตัวเอง ผู้นำทุกคนต้องรู้จักว่าตัวเองเป็นอย่างไร มีคุณสมบัติอะไร และจะใช้คุณสมบัตินั้นให้ดีที่สุดอย่างไร หากคุณยังไม่รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ และเป็นผู้นำชีวิตของตัวคุณเองได้ ก็ยากที่คุณจะไปนำใครได้
2. ใส่ใจคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ถือหุ้นหรือพนักงาน องค์กรที่ผู้นำใส่ใจคนอื่น มักประสบความสำเร็จมากกว่าองค์กรที่ผู้บริหารสนใจแต่ตัวเอง หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หรือพวกพ้องของตัวเองเท่านั้น
3. สร้างการยอมรับในคุณค่าที่องค์กรยึดถือ ผู้นำต้องสามารถ ทำให้ทุกคนในองค์กรยอมรับและเข้าใจในคุณค่าที่องค์กรยึดถือ เพราะคุณค่าที่องค์กรยึดถือคือความเชื่อพื้นฐานที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการตัดสินใจและการกระทำของทั้งองค์กร เป็นหลักการพื้นฐานที่จะใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำในการทำงาน
4. เพิ่มพูนความสามารถขององค์กร ผู้นำต้องพัฒนาความสามารถของพนักงาน ผ่านการนำคุณค่าที่องค์กรยึดถือไปปฏิบัติอย่าง ได้ผล เมื่อพนักงาน ทีมงานหรือแผนกงาน หรือบริษัท มีความสามารถ ในการทำงานดีขึ้น ไม่เพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้รับความชื่นชม แต่ยังส่งผลให้ผู้นำได้รับความเชื่อถือมากขึ้นด้วย
5. รับใช้ส่วนรวม ผู้นำต้องยึดมั่นในหลักการ และทำตัวเป็น ตัวอย่างในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม มิใช่ทำเพื่อตัวเอง การรับใช้ ผู้อื่นและส่วนรวมเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจของการเป็นผู้นำ และทำให้ผู้นำได้รับความเชื่อถือมากขึ้น
6. ให้ความหวัง ผู้นำที่สามารถสร้างกำลังใจและฟื้นความเชื่อมั่นของพนักงาน เท่ากับเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ตัวผู้นำ พนักงานต้องการมีผู้นำที่ไม่ท้อถอยยามเผชิญอุปสรรคและความล้มเหลว ผู้นำที่ยังคงสามารถคิดบวก มีความมั่นใจ และเชื่อมั่นใน ความสามารถของคนอื่นว่าจะต้องทำได้ เป็นผู้นำที่ธุรกิจโหยหาอย่างที่สุด
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ยิ่งเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเป็นผู้นำมากเท่าใด ก็ดูเหมือนจะยิ่งพบว่าการเป็นผู้นำนั้น หาใช่เพียงการพัฒนาด้านทักษะความ สามารถแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการพัฒนาด้านนิสัยใจคออีก ด้วย เพราะการเป็นผู้นำคือการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น ดังนั้น ต่อไปนี้คือข้อเตือนใจฉลาดๆ สำหรับคนที่คิดจะเป็นผู้นำ
จงระวังความคิด เพราะความคิดจะกลายเป็นคำพูด
จงระวังคำพูด เพราะคำพูดจะกลายเป็นการกระทำ
จงระวังการกระทำ เพราะการกระทำจะกลายเป็นนิสัย
จงระวังนิสัย เพราะนิสัยจะกลายเป็นตัวคุณ
จงระวังความเป็นคุณ เพราะมันจะกำหนดชะตากรรมของคุณ
จงระวังการเป็นผู้นำ เพราะคุณจะถูกจดจำเพียงความดีชั่ว ที่คุณทิ้งไว้ข้างหลัง
|
|
|
|