|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
Working with Emotional Intelligence
ผู้เขียน: Daniel P. Goleman
ผู้จัดพิมพ์: Bantam Books
จำนวนหน้า: 383
ราคา: $18.00
buy this book
|
|
|
|
ความลับของความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่คุณเรียนในโรงเรียน สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ความเป็นเลิศทางวิชาการ ไม่ใช่ปริญญาจากมหาวิทยาลัยธุรกิจ ไม่ใช่แม้ความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์ การทำงานนานหลายปี แต่สิ่งที่แยกคนที่ประสบความสำเร็จออกจากคนธรรมดาคือ “ความฉลาดทางอารมณ์” (emotional intelligence)
ความฉลาดทางอารมณ์คือทักษะที่ใครๆ มีได้ ยิ่งมีตำแหน่งสูงขึ้นมากเท่าใด ความฉลาดทางอารมณ์ก็ยิ่งสำคัญมากเท่านั้น และเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับผู้นำที่ประสบความสำเร็จ Daniel Goleman นักวิจัยที่มีชื่อเสียงและผู้แต่ง Working with Emotional Intelligence เล่มนี้ชี้ว่า ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุด และสามารถรักษาตำแหน่ง นั้นไว้ได้ องค์กรที่ทำงานด้วยการใช้ความฉลาดทางอารมณ์ จะเป็นบริษัทที่อยู่รอดปลอดภัยและมีพลวัตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงทั้งวันนี้ และในอนาคต ความฉลาดทางอารมณ์
กฎการทำงานกำลังเปลี่ยนไป เราถูกตัดสินด้วยมาตรฐานใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ความฉลาด หรือประสบการณ์ความชำนาญ แต่ยังถูกตัดสิน ด้วยความสามารถในการบริหารตัวเองและคนอื่น มาตรฐานใหม่นี้มีความสำคัญมากขึ้น นายจ้างใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกว่าจะจ้างหรือไม่จ้างใครทำงาน กฎใหม่นี้ยังสามารถทำนายว่า ใครที่มีแนวโน้มมาก ที่สุดที่จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงและใครที่จะตกกระป๋อง ไม่ว่า คุณจะทำงานอยู่ในแวดวงใดก็ตาม มาตรฐานใหม่นี้จะสามารถวัดคุณสมบัติในตัวคุณ ว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญต่อความสามารถทาง การตลาดสำหรับงานในอนาคตหรือไม่ กฎใหม่นี้ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เราถูกสอนมาในโรงเรียนว่าเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ความสามารถทางวิชาการ เพราะกฎนี้ไม่เน้นความสามารถทางสติปัญญาหรือประสบการณ์การทำงาน แต่จะไปเน้นที่คุณสมบัติส่วนตัวแทน เช่น ความคิดริเริ่ม ความเห็นอกเห็นใจ ความสามารถในการปรับตัวและการจูงใจ
ผลการศึกษาใหม่ๆ ระบุชัดเจนว่า คุณสมบัติส่วนตัวบางอย่าง สำคัญกว่าคุณสมบัติอื่นๆ และเป็นคุณสมบัติที่จะทำให้เจ้าของคุณสมบัตินั้นๆ มีประสิทธิภาพสูงกว่าคนอื่นๆ เป็นคุณสมบัติที่เหนือกว่าที่จะทำให้คุณบรรลุความเป็นเลิศในการทำงาน หรือในการเป็นผู้นำ
คุณสมบัติสำคัญที่ว่านั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้เราได้รับเลือกและได้รับการจ้างงานในอนาคต มันเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมาหลายทศวรรษแล้ว แต่ในชื่อต่างๆ กัน “นิสัย” “บุคลิกภาพ” “soft skill” หรือ “สมรรถนะ” แต่เราเพิ่งจะเข้าใจคุณสมบัติที่ว่านั้นอย่างชัดเจน พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้ว่า “ความฉลาดทางอารมณ์” นั่นเอง
ทักษะความฉลาดทางอารมณ์จะเป็นตัวช่วยเสริมทักษะทางปัญญาอีกทีหนึ่ง คนที่มีประสิทธิภาพสูงต้องมีทักษะทั้งสองอย่างนี้ และยิ่งงานที่ทำมีความซับซ้อนมากเท่าใด ความฉลาดทางอารมณ์ก็ยิ่งสำคัญ มากขึ้นเท่านั้น การบกพร่องในการใช้ความฉลาดทางอารมณ์ อาจส่งผลถึงขนาดขัดขวางการใช้ความฉลาดทางสติปัญญาได้ พูดสั้นๆ ก็คือ การสูญเสียการควบคุมทางอารมณ์อาจทำให้คนฉลาดๆ กลายเป็นคนโง่ไปก็ได้ Doug Lennick ผู้บริหารระดับสูงของ American Express Financial Advisors กล่าวว่า การประสบความสำเร็จเริ่มต้นด้วยความ ฉลาดทางสติปัญญา คนเราต้องการความฉลาดทางอารมณ์ เพื่อให้สามารถเปล่งศักยภาพความเก่งของเราได้อย่างเต็มที่ สาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่นั้น ก็เป็นเพราะการขาดความสามารถทางอารมณ์นั่นเอง
ความสามารถทางอารมณ์
ความสามารถในตัวเราถูกแบ่งแยกออกจากกันระหว่างหัวสมอง กับหัวใจ ถ้าพูดเป็นวิชาการก็คือระหว่างสติปัญญากับอารมณ์ ความสามารถบางอย่างเป็นความสามารถทางปัญญาล้วนๆ อย่างเช่นการให้เหตุผลในเชิงวิเคราะห์ หรือความเชี่ยวชาญทางเทคนิค แต่ความสามารถบางอย่างเป็นความคิดผสมความรู้สึก และความสามารถในกลุ่มหลังนี้เองที่เรียกว่า “ความสามารถทางอารมณ์”
ความสามารถทางอารมณ์เป็นทักษะที่ทุกคนเรียนรู้ได้ โดยอยู่ บนพื้นฐานของความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งส่งผลลัพธ์เป็นประสิทธิภาพ การทำงานที่โดดเด่น ความสามารถทางอารมณ์มีทั้งหมด 25 อย่าง สามารถจัดกลุ่มได้ 5 กลุ่ม โดย 3 กลุ่มแรกเป็นความสามารถส่วนบุคคล ส่วน 2 กลุ่มหลังเป็นความสามารถทางสังคม
ความสามารถส่วนบุคคล
แสดงถึงความสามารถในการบริหารตัวเอง มี 3 กลุ่ม
การรู้จักตัวเอง หมายถึงการรู้จักสภาพภายในของตัวเอง ชอบไม่ชอบอะไร รู้จักทรัพยากรภายในตัวเองและสัญชาตญาณ ความสามารถที่จัดว่าเป็นการรู้จักตัวเอง ได้แก่ การรู้จักอารมณ์ตัวเอง การประเมินตนเองอย่างถูกต้อง และความเชื่อมั่นในตัวเอง
การควบคุมตนเอง หมายถึงการสามารถจัดการสภาพภายในของตัวเอง การควบคุมอารมณ์และทรัพยากรในตัวเอง ความสามารถ ในกลุ่มนี้ได้แก่การควบคุมตัวเอง ความไว้วางใจได้ มโนธรรมสำนึก การปรับตัวและความคิดสร้างสรรค์
การจูงใจ ความสามารถทางอารมณ์ที่ช่วยนำทางหรือช่วยให้บรรลุเป้าหมาย ความสามารถในการจูงใจก็เช่น การมีแรงขับความสำเร็จ การยึดมั่นในพันธะ การริเริ่ม และการมองโลกในแง่ดี
ความสามารถทางสังคม
คือความสามารถในการบริหารความสัมพันธ์กับคนอื่น มี 2 กลุ่ม
ความเห็นอกเห็นใจ การรู้จักอารมณ์ความรู้สึก และความต้องการรวมถึงความวิตกกังวลของคนอื่น ความสามารถในการเห็นอก เห็นใจคนอื่นได้แก่การเข้าใจผู้อื่น การสามารถพัฒนาคนอื่น การรู้จัก อ่านกระแสการเมืองและสังคมในองค์กร
ทักษะทางสังคม ความสามารถที่ทำให้คนอื่นมีพฤติกรรมตามที่ต้องการ เช่น การมีอิทธิพลต่อความคิดและจิตใจของคนอื่น ความสามารถในการสื่อสารที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ การจัดการความขัดแย้งด้วยการเจรจา มีความเป็นผู้นำ มีความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ สร้างความร่วมมือ และการทำงานเป็นทีม
ศิลปะในการมีอิทธิพลต่อคนอื่น
คนเราพยายามมีอิทธิพลต่อสภาพอารมณ์ของกันและกันอยู่ตลอดเวลา เราทำมันอยู่เป็นประจำโดยที่เราอาจไม่รู้ตัวหรือไม่ทันสังเกต การแลกเปลี่ยนทางอารมณ์เป็นส่วนหนึ่งของการมีปฏิสัมพันธ์กันของมนุษย์โดยธรรมชาติ เพียงแต่อาจมองเห็นไม่ชัดเจน อารมณ์เป็นสิ่งที่ทำให้เกิด “emotional economy” หมายถึงผลสุดท้ายของการแลกเปลี่ยนทางความรู้สึก หลังจากบวกลบคูณหารแล้ว ที่จะทำให้แต่ละฝ่าย รู้สึกดีขึ้นหรือแย่ลง เกิดอารมณ์เป็นพิษหรือเกิดความรื่นรมย์ แม้ในขณะที่เกิด emotional economy อยู่นั้น เราอาจมองไม่เห็น แต่มีผล อย่างมหาศาลต่อธุรกิจและการทำงาน
ในโลกของการทำงาน คนที่มีความสามารถทางอารมณ์จะเป็น ผู้นำร่องและสามารถโต้กระแสคลื่นทางอารมณ์ มากกว่าจะเป็นฝ่ายถูกดึงไปด้วยอารมณ์ คนที่มีประสิทธิภาพสูงในองค์กรจะเหมือนมีเรดาร์ ทางอารมณ์ สามารถจับความรู้สึกและปฏิกิริยาของคนอื่น แล้วปรับการกระทำของตัวเอง เพื่อผลักดันให้การปฏิสัมพันธ์ในครั้งนั้นๆ เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ
โดยสรุป ทักษะทางสังคมก็คือความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ของคนอื่นอย่างมีศิลปะ และการมีอิทธิพลต่อคนอื่นหมายถึงการมีกลยุทธ์ในการจูงใจผู้อื่นอย่างได้ผลนั่นเอง
|
|
|
|