|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
Power
ผู้เขียน: Jeffrey Pfeffer
ผู้จัดพิมพ์: HarperCollins
จำนวนหน้า: 273
ราคา: $27.99
buy this book
|
|
|
|
ตลอดเวลาที่ Jeffrey Pfeffer ให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจ และสอนนักศึกษา MBA มานานหลายทศวรรษ เขาได้เห็น คนที่ล้มเหลวมากมาย ในขณะที่คนอื่นๆ กลับประสบความสำเร็จ เขาพบว่า สิ่งที่คนเรามักผิดพลาดคือ การไม่ยอมเข้าใจโลกตามความเป็นจริง หรือไม่เข้าใจว่า อะไรที่ทำให้คนบางคนประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆ การมีความเชื่อว่าโลกนี้ต้องยุติธรรม ทำให้คนเรามีแนวโน้มที่จะยอมรับว่า ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาโลกที่มีผู้ชนะก็ต้องมีผู้แพ้ แต่การคิดเช่นนั้น ทำให้เราไม่เคยเตรียมตัวให้พร้อมที่จะพบกับปัญหาความท้าทาย และการแข่งขันอันโหดร้ายที่ไร้ความยุติธรรม ซึ่งเป็นความจริงที่มีอยู่ในโลก
ผู้เขียนชี้ว่า การเรียนรู้เรื่องอำนาจนั้น ไม่อาจเรียนรู้ ได้จากคนที่ยังอยู่ในอำนาจ เพราะคำแนะนำจากพวกเขามักจะถูกปรุงแต่งให้เป็นสีชมพู หากเกี่ยวกับเส้นทางขึ้นสู่อำนาจของพวกเขา โดยไม่ยอมเปิดเผยเส้นทางสู่อำนาจและการประสบความสำเร็จที่แท้จริง
มากกว่าความเก่ง
คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าคุณ มีธุระยุ่งเกินกว่าที่จะมาใส่ใจว่า คุณเป็นคนเก่งแค่ไหน หรือทำงานได้ดีเพียงใด คุณจึงไม่ควรทึกทักเอาเองว่า เจ้านายของคุณจะรู้หรือสังเกต เห็นว่า คุณทำงานได้ยอดเยี่ยมเพียงใด ดังนั้น หน้าที่แรกของคุณคือ ต้องทำให้คนที่อยู่สูงกว่าคุณในบริษัท รู้ว่าคุณทำงานได้อย่างดีเยี่ยม และวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเขารู้แน่ๆ ก็คือ คุณต้องบอกเขา หากคุณต้องการได้เลื่อนตำแหน่ง คุณต้องทำให้คนที่มีอำนาจ “เลือก” คุณให้ได้เลื่อนตำแหน่ง จำไว้ว่า ไม่มีใครสนใจคุณ ไม่ว่าคุณจะเก่งมาจากไหน หรือทำงานดีเลิศเพียงใด ไม่ว่าคุณจะยอมรับสิ่งนี้หรือไม่ แต่นี่คือความจริง
เส้นทางสู่อำนาจ
ดูเหมือนเราจะยอมรับกันอยู่แล้วว่า ใช่ว่าตำแหน่งงานทุกตำแหน่ง จะมีโอกาสเท่าเทียมกัน ในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจ และผลการศึกษาหลายครั้งก็สนับสนุน ความเชื่อนี้ แต่คนเรามักผิดพลาดในการเลือกตำแหน่ง ที่จะใช้ในการเริ่มต้นสร้างฐานอำนาจของตน ความผิดพลาด ที่พบบ่อยที่สุดคือ การเลือกทำงานในแผนกที่สำคัญที่สุดในบริษัท ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจมากที่สุด แต่นี่อาจไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะหน่วยงานที่สำคัญที่สุดในบริษัท คือที่ที่คุณจะพบกับการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุด จะต้องแข่ง กับคนที่เก่งที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น หน่วยงานหรือผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของบริษัทในวันนี้ ก็ไม่จำเป็นว่า จะยังคงมีความสำคัญเหมือนเดิมในอนาคต
ดังนั้น ถ้าคุณต้องการจะก้าวหน้าโดยเร็ว จงเริ่มต้น ที่ฝ่ายงานที่ยังมีคนสนใจน้อย แล้วค่อยๆ สร้างฐานอำนาจ ของคุณ โดยเผชิญกับการต่อต้านที่น้อยกว่า ด้วยการทำกิจกรรมที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
กล้าแตกแถว
Reginald Lewis ซึ่งล่วงลับไปแล้ว เป็นนักกฎหมาย ธุรกิจชาวอเมริกันผิวดำที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่ง เขาเป็นผู้ก่อตั้ง TLC Group บริษัทกว้านซื้อกิจการ TLC เข้าเทกโอเวอร์ McCall Pattern Co. ในทศวรรษ 1980 และ Lewis สามารถคืนผลตอบแทนการลงทุนให้แก่นักลงทุนได้ถึง 90 เท่าของเงินลงทุน TLC ยังเข้าซื้อกิจการ Beatrice Foods และสร้างบริษัทแห่งแรกที่คนผิวดำเป็นเจ้าของ ซึ่งสามารถทำรายได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ Lewis กลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1965 สมัยที่ยังไม่มีวิชากฎหมาย ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัย Harvard และพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันผิวดำในรัฐแมรีแลนด์ ที่ตั้งชื่อตาม Reginald Lewis สมัยที่ Lewis ยังเป็นเพียงนักศึกษา หนุ่มน้อยผิวดำที่กำลังจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัย Virginia State University และมุ่งมั่นจะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Harvard Law School ในช่วงปิดภาคฤดูร้อน Lewis ได้เข้าศึกษาในโปรแกรมการเรียนที่ Harvard Law School ซึ่งจัดขึ้นสำหรับนักศึกษาผิวดำที่มีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ โปรแกรมนี้มีกฎอยู่ว่า นักศึกษาที่เข้าเรียนในโปรแกรมนี้แล้วจะไม่มีสิทธิ์ได้รับพิจารณาเข้าเรียนใน Harvard Law School อีก
ผลการเรียนของ Lewis ในโปรแกรมภาคฤดูร้อนดีเยี่ยม เขายังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศาลจำลอง จนแม้กระทั่งอีก 30 ปีให้หลัง ความสามารถของเขายังคงเป็นที่กล่าวขานในหมู่อาจารย์ของ Harvard ทำให้ Lewis ได้พบกับอาจารย์ของ Harvard Law เขาไม่ปล่อยให้โอกาส นี้หลุดลอยไป เขาแจกแจงให้อาจารย์เห็นว่า หาก Reginald Lewis ได้เข้าเรียนที่ Harvard Law แล้ว จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ “เป็นล้านๆ ข้อ” ปรากฏว่า เมื่อจบการ เรียนภาคฤดูร้อนนั้น Lewis เข้าเป็นนักศึกษาของ Harvard Law School สมดังความตั้งใจของเขา กลายเป็นนักศึกษา เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของ Harvard ที่มหาวิทยาลัย รับเข้าเป็นนักศึกษา ก่อนที่เขาจะกรอกใบสมัคร
ราคาที่ต้องจ่าย
ของฟรีไม่มีในโลก ประโยคนี้ใช้ได้กับทุกอย่างรวมทั้งอำนาจ ราคาที่คุณต้องจ่ายเพื่อแลกกับการได้มาซึ่งอำนาจ ได้แก่
ถูกจับผิดตลอดเวลา หากคุณประพฤติไม่ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใด คนที่อยู่ในอำนาจจะถูกจับผิดตลอดเวลาและจากทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ใน อำนาจเหมือนกัน จากลูกน้อง จากเจ้านาย และจากสื่อ
สูญเสียอิสระ CEO ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า พวกเขาสูญเสียการควบคุมการใช้เวลาในชีวิตส่วนตัว เป็นราคาที่แพงที่สุดที่พวกเขาต้องจ่าย แลกกับการได้มาอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจมาก
สูญเสียชีวิตส่วนตัว การสร้างและรักษาอำนาจเรียก ร้องเวลาและความพยายามทั้งหมดไปจากคุณ เวลาที่คุณต้องใช้ไปกับการให้ได้มาซึ่งอำนาจและสถานภาพนั้น เป็นเวลาที่คุณไม่สามารถนำไปใช้กับสิ่งอื่นในชีวิต เช่น งานอดิเรก ความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือครอบครัวได้
ไว้ใจใครไม่ได้ ยิ่งคุณอยู่ในตำแหน่งสูงเพียงใด มีอำนาจมากเท่าใด ก็ยิ่งมีคนจำนวนมากที่อยากแย่งตำแหน่ง ของคุณ คุณจึงไว้ใจใครไม่ได้และต้องคอยระแวงระวังอยู่ตลอดเวลา ว่าใครจะมาเลื่อยขาเก้าอี้ของคุณ นี่ก็คือราคาที่ต้องจ่าย เมื่อได้ขึ้นสู่ตำแหน่งอันเป็นที่หมายปองของทุกคน
อำนาจเป็นยาเสพติด คนที่มีอำนาจจึงยากจะสูญเสียอำนาจ แต่ในที่สุด ทุกคนก็จะต้องลงจากอำนาจ
สาเหตุของการสูญเสียอำนาจ
การศึกษาเกี่ยวกับผลของอำนาจที่มีต่อผู้ที่ได้รับอำนาจจำนวนมากพบว่า ผู้มีอำนาจมักจะหลงตัวเอง เชื่อมั่น ในตัวเองมากเกินไปและชอบเสี่ยง ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น และมองเห็นคนอื่นเป็นเพียงบันไดให้ไต่ขึ้นสู่อำนาจ ความหลงตัวและการไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น นำไปสู่การสูญเสียอำนาจ เมื่อคนที่มีอำนาจรู้สึกอิ่มเอมในตัวเองมากเกินไป จนลืมใส่ใจความต้องการของคนรอบข้าง ย่อม สร้างความไม่พอใจและสร้างศัตรู ซึ่งจะย้อนกลับไปสร้างปัญหาให้แก่ผู้มีอำนาจนั้นเอง
อย่าหวังว่าโลกจะยุติธรรม
โลกที่เป็นอยู่จริงๆ อาจไม่ใช่โลกที่เราต้องการหรือควรจะเป็น แต่มันก็คือความจริง โลกนี้มีแต่การแข่งขันแย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งสถานภาพและงานที่ดีกว่า และเป็น การแข่งขันแบบได้ทั้งหมดหรืออดไปเลย เป็นโลกที่บริษัทมี CEO ได้เพียงคนเดียว ประเทศมีนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดีได้เพียงคนเดียว การต่อสู้แย่งชิงจึงเป็นไปอย่างรุนแรง จนบางคนยอมละทิ้งกฎการเล่นอย่างยุติธรรม เพื่อจะให้ได้มาซึ่งอำนาจ จงอย่าบ่นหรือหวังว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่คุณก็สามารถจะแข่งขันและได้รับชัยชนะได้ ในองค์กรทุกชนิด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ราชการหรือเอกชน หากคุณเข้าใจหลักการของอำนาจและเต็มใจที่จะใช้มัน หน้าที่ของคุณคือ เรียนรู้ที่จะชนะในสงครามการเมือง ที่คุณจะต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การที่โลกไม่ยุติธรรม ไม่ได้หมายความว่า ให้คุณหยุดเชื่อมั่นในการเอาชนะด้วยความดี คนจะเลือกข้างที่พวกเขาคิดว่าจะชนะ ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อตัวเอง และยืนหยัดในสิ่งที่คุณเชื่อ คนอื่นๆ ก็จะไม่มาอยู่ข้างคุณ เพราะพวกเขาจะมองว่า คุณไม่พยายามที่จะได้ชัยชนะ และจะต้องแพ้อย่างแน่นอน พวกเขาก็จะไม่เข้าข้างคุณหรืออาจจะทิ้งคุณไปเลย
แต่จงอย่าบ่นหรือตัดพ้อต่อว่า เหตุใดชีวิตจึงไม่ยุติธรรมกับคุณ หรือวัฒนธรรมองค์กรของคุณไม่ดี หรือเจ้านายของคุณเป็นไอ้โง่ ตัวคุณเองมีหน้าที่ต้องเปลี่ยนสถานการณ์ของตัวเอง หยุดรอคอยให้อะไรๆ ดีขึ้นเอง หรือ คอยอัศวินม้าขาวมาช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ ว่าจะค้นพบ หรือสร้างสถานที่ที่ดีกว่า สำหรับตัวคุณเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณที่จะแผ้วถางเส้นทางสู่อำนาจของคุณเอง
|
|
|
|