|
new releases
Manager 360 aStore
|
|
|
|
|
Open Leadership
ผู้เขียน: Charlene Li
ผู้จัดพิมพ์: Jossey-Bass
จำนวนหน้า: 311
ราคา: $27.95
buy this book
|
|
|
|
แม้ว่าการเปิดกว้างและความโปร่งใสจะเป็นหลักการสำคัญของผู้นำ แต่บริษัทก็มักจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่ไหนแต่ไรมา ธุรกิจต่างๆ ล้วนตั้งอยู่บนแนวคิดของการควบคุม แต่ระเบียบโลกใหม่กลับต้องการการเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น Open Ledership จะช่วยให้คุณรู้จักใช้พลังของการปฏิวัติเทคโนโลยี social media และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เป็นเครื่องมือของการเปิดกว้าง พร้อมๆ กับที่ยังคงอำนาจการควบคุมไว้ได้ Charlene Li ผู้แต่งซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ social media จะแสดงให้คุณเห็นว่า เว็บ social network อย่าง Facebook, Twitter, YouTube, Yammer, Jive และอื่นๆ จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน การสื่อสาร และการตัดสินใจของผู้นำและองค์กรได้อย่างไร
การเปิดกว้างต้องการความแม่นยำและความอุตสาหะมากกว่าการควบคุมแบบเดิมๆ องค์กรต้องสามารถ ชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์กับความเสี่ยง หากคิดจะใช้กลยุทธ์การเปิดกว้าง และต้องเข้าใจความหมายของการเปิดกว้างอย่างถ่องแท้
ด้วยการรู้จักใช้ social media ผู้นำจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรให้ทำงานอย่างได้ผลมากขึ้น ตัดสินใจ ได้ดีขึ้น และในที่สุดสามารถเพิ่มผลกำไรได้ ในยุคที่ตลาด กำลังเรียกร้องการเปิดกว้างและความโปร่งใสมากขึ้น
"เขาทำกีตาร์ผมพัง"
ขณะนั่งอยู่บนเครื่องบินของสายการบิน United Airlines รอเวลาที่เครื่องจะออกบิน Dave Carroll มองออกไปนอกหน้าต่างและแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเขามองเห็นพนักงานขนกระเป๋ากำลังนำกระเป๋าของผู้โดยสาร มาโยนเล่น บางครั้งก็ทำกระเป๋าตกกระแทกกับพื้น แต่ที่ทำให้ Carroll ต้องตกใจที่สุดคือ หนึ่งในกระเป๋าเหล่านั้นเป็นกระเป๋ากีตาร์ Carroll เป็นมือกีตาร์ชาวแคนาดาและนักแต่งเพลง และกระเป๋ากีตาร์ใบที่กำลังถูกโยนเล่นนั้นคือ กีตาร์ของเขาเอง แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อ Carroll เปิดกระเป๋ากีตาร์ของเขา หลังจากเครื่องบินลงจอดแล้ว เขาจะต้องพบกับอะไร กีตาร์ยี่ห้อ Taylor สุดรักสุดหวงของเขา อยู่ในสภาพพังยับเยิน Carroll ต้องรีบไปเปิดแสดงดนตรีติดๆ กันหลายงาน จน 3 วันผ่านไป จึงมีเวลาติดต่อกับสายการบิน United แต่ United กลับปฏิเสธที่จะจ่ายค่าซ่อมกีตาร์ 1,200 ดอลลาร์ให้แก่ Carroll เพราะบริษัทมีกฎมานานนักหนาว่า จะไม่รับผิดชอบความเสียหายที่ผู้โดยสารแจ้งหลัง 24 ชั่วโมง เพราะหากนานขนาดนั้น ลูกค้าอาจเป็นคนที่ทำของเสียหายเอง แต่มาโทษทางสายการบิน
แต่ Carroll ไม่ยอมและพยายามกดดันบริษัทอยู่นานหลายเดือนอย่างไร้ผล เขาจึงแต่งเพลงและทำเป็นมิวสิกวิดีโอชื่อ United Breaks Guitars นำลงใน YouTube เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2009 โดยหวังแค่ว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยเยียวยาความรู้สึกของตัวเองได้บ้าง และไม่คิดว่าจะมีคนดูคลิปของเขา สักกี่คน แต่ภายในเวลาเพียง 3 วัน มีคนเข้าไปดูคลิปของเขา มากกว่า 1 ล้านครั้ง เพลงของ Carroll แพร่หลายอย่างรวดเร็ว พอถึงสิ้นปี 2009 มีคนดูคลิปของเขามากกว่า 7 ล้านครั้ง
United ตกใจมาก และติดต่อ Carroll ทันที Carroll อธิบายการกระทำของเขาว่า ไม่ได้ต้องการประจานบริษัท เพียง แต่ต้องการให้ทาง United เปลี่ยนนโยบายการรับผิดชอบความเสียหาย United Airlines ยอมเปลี่ยนนโยบาย Carroll ทำวิดีโอ ขอบคุณบริษัทที่พยายามเยียวยาแก้ไขสถานการณ์
กฎเกณฑ์ใหม่ของการเป็นผู้นำที่เปิดกว้าง
เรื่องของ Carroll ทำให้เห็นว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปแล้วในวันนี้คือ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเช่น YouTube ทำให้เราจำต้องลดการควบคุมลง แต่ขณะเดียวกัน เครื่องมือสื่อสาร สมัยใหม่ที่ดีกว่าและถูกกว่าเดิม ก็เพิ่มความสามารถทำให้เรารู้ได้ทันทีว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นกับลูกค้าและพนักงานของเรา การเป็นผู้นำที่เปิดกว้าง จึงหมายถึงการมีทั้งความเชื่อมั่นและความถ่อมตนมากพอ ที่จะยอมสละอำนาจในการควบคุมบางส่วน แต่ยังคงสามารถสั่งการและสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ทำงานจนบรรลุเป้าหมายขององค์กรได้ นี่คือการเปลี่ยนแปลง ทางความสัมพันธ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้นำกับลูกค้าและพนักงาน ซึ่งอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่ๆ ดังนี้
- เคารพลูกค้าและพนักงานของคุณและยอมรับในพลังของพวกเขา
- แบ่งปันข้อมูลอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความรู้สึกไว้ใจ
- อยากรู้อยากเห็นและถ่อมตัว ตระหนักว่ายังมีอีกมาก ที่คุณยังไม่รู้ และยอมรับเมื่อทำผิด
- ให้อภัยในความผิดพลาด ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในสัมพันธภาพ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แข็งแกร่งขึ้น ถ้าหากไม่เอาแต่โทษอีกฝ่าย ไม่ได้หมายความให้ยอมรับความล้มเหลว แต่ให้เข้าใจว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา
คุณเป็นผู้นำที่เปิดกว้างหรือไม่
มี 2 สิ่งที่จะตัดสินว่า คุณเป็นผู้นำที่เปิดกว้างมากน้อย เพียงใด ประการแรกคือ คุณมองคนอื่นอย่างไร แง่ดีหรือแง่ร้าย โดยทั่วไปแล้ว ผู้นำที่เปิดกว้างจะเชื่อใน "win-win" คือเชื่อว่า เมื่อคนทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง สิ่งนั้นย่อมจะเป็น ประโยชน์ต่อองค์กรด้วยเช่นกัน การมองคนในแง่ดีทำให้ผู้นำ เปิดกว้างในด้านข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ทั้งในแง่ของการแบ่งปันข้อมูล และการไม่รังเกียจที่จะรับข้อมูลจากหลากหลายแหล่งที่แตกต่างกัน
ประการที่สอง คุณในฐานะผู้นำมีทัศนะเกี่ยวกับความสำเร็จอย่างไร มาจากคนคนเดียว หรือมาจากการทำงานเป็น ทีม ผู้นำที่เปิดกว้างมักจะมีทัศนะทั้งสองอย่างผสมกัน แต่การตัดสินว่าคุณเป็นผู้นำที่เปิดกว้างหรือไม่ ต้องตัดสินในเวลาที่เกิดปัญหา คุณจะแสวงหาความแข็งแกร่งจากที่ใด จากตัวคุณเอง หรือจากคนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ ผู้นำที่เปิดกว้างรู้ดีว่าความสามารถของคนคนเดียวมีความจำกัด และสามารถจะร่วมมือกับคนอื่นได้อย่างรวดเร็ว ส่วนผู้นำที่เชื่อว่าความสำเร็จ มาจากคนคนเดียว จะหันเข้าหาตัวเอง และหวังพึ่งแต่ความสามารถและความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น
โปร่งใสใช่ต้องเปิดหมด
ความโปร่งใสเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้นำที่เปิดกว้าง Brian Moynihan CEO คนใหม่ของธนาคาร Bank of America เข้าใจความสำคัญของความโปร่งใส ธนาคารของเขาจึงกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีทำธุรกิจ ให้เป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น Moynihan ยอมรับว่า หลังจาก transgressions ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ในวันนี้ องค์กรจำเป็นต้อง more forthcoming เกี่ยวกับวิธีการทำธุรกิจของตน
ความโปร่งใสไม่ได้ถูกกำหนดโดยผู้นำหรือบริษัท หากแต่กำหนดโดยคนที่คุณต้องการให้เขาไว้วางใจในตัวคุณและองค์กรของคุณ คุณจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลมากน้อยเท่าใด จึงจะทำให้คนเหล่านั้นไว้ใจ ให้คุณดูแลจัดการเงินทองและธุรกิจของพวกเขาได้ ข้อมูลที่คุณสามารถแบ่งปันให้ทุกคนได้เห็น ก็อย่างเช่นเป้าหมาย ปัญหา อันตรายและโอกาสที่องค์กร ของคุณกำลังเผชิญอยู่ บางครั้งความโปร่งใสยังอาจหมายถึง การ "ไม่เปิดเผย" ข้อมูลก็ได้ ตราบใดที่คุณมีเหตุผลเพียงพอ และยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
|
|
|
|